เผยประวัติดาลี่ย์ บลินด์-จากแข้งแฟนบอลยี้สู่นักเตะยอดเยี่ยมสโมสร
“ผมไม่มั่นใจว่าเขาจะได้ลงเล่นในตำแหน่งไหน” คำกล่าวของพอล สโคลส์ ตำนานดาวเตะทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เอ่ยขึ้นหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกลงจะจ่ายเงิน 17.5 ล้านยูโรให้กับอาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัมเพื่อคว้าตัวดาลี่ย์ บลินด์ นักเตะดีกรีทีมชาติฮอลแลนด์เข้าร่วมทัพ
โดยปีเตอร์ แม็ควิตี้ (โกล์.คอม)
อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษมิใช่คนเดียวที่สงสัยกับเรื่องดังกล่าว มีข้อสงสัยและความสับสนมากมายในเรื่องบทบาทหน้าที่ซึ่งนักเตะผู้ที่เกิดในเมืองอัมสเตอร์ดัมลงเล่น
นักเตะที่คนทั้งโลกนอกเหนือจากแฟนบอลประเทศฮอลแลนด์ไม่รู้จักก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้น จังหวะการจ่ายบอลจากกลางสนามเข้าหัวของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ในการแข่งขันที่ฮอลแลนด์ตีเสมอสเปนได้ 1-1 และผลงานการเล่นในระบบ 5-3-2 ของแข้งรายนี้อาจจะเป็นสิ่งชี้นำบ่งบอกเรื่องราวของเขาอย่างผิดๆ
ลูกแอสซิสต์ส่งบอลให้ฟาน เพอร์ซี่และอาร์เยน ร็อบเบนในเกมที่ฮอลแลนด์เอาชนะสเปน 5-1 แสดงให้เห็นถึงทักษะการจ่ายบอลอันยอดเยี่ยมของเขา แต่ความล้มเหลวของทีมกระทิงดุที่ไม่สามารถกดดันดาลี่ย์ บลินด์ทั้งในเรื่องเกมรุกและเกมรับแปลว่าเขาเจอกับบททดสอบที่แสนง่ายดาย
ความหลากหลายในการสลับสับเปลี่ยนจากตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คมาเป็นแบ็คซ้ายตลอดทั้งทัวร์นาเม้นต์อาจเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม อย่างไรก็ตามในทุกๆเกม จุดอ่อนของเขาถูกปกปิดเอาไว้อย่างดีด้วยระบบของหลุยส์ ฟาน ฮาล โดยในเกมกับเม็กซิโก ทัพจังโก้แทบจะยอมแพ้หลังโดนยิงขึ้นนำ หรือในเกมกับคอสตา ริก้าที๋โอกาสยิงประตูครั้งแรกมีขึ้นในนาทีที่ 117
แม้จากรายการฟุตบอลโลกที่เพิ่งผ่านไป หรือ 5 ฤดูกาลในการค้าแข้งฟุตบอลอาชีพ อาชีพที่ดีที่สุดของบลินด์มิใช่แบ็คซ้ายหรือเซ็นเตอร์แบ็ค เขาคือนักแตะกองกลางโดยธรรมชาติ
โชคดีนักที่ดูเหมือนว่าหลุยส์ ฟาน ฮาลจะหาข้อสรุปได้แล้วว่าเขาไม่สามารถใช้งานบลินด์ได้ในตำแหน่งอื่นใดนอกจากหัวแรงสำคัญ
“ดาลี่ย์จะได้ลงเล่นในตำแหน่งตัวจริงกับบทบาทมิดฟิลด์กลางสนาม จากนั้นจะเป็นการตัดสินใจของเขาเองว่าจะอยู่ในตำแหน่งนั้นต่อไปหรือไม่” ร็อบ แยนเซ่น เอเยนต์ส่วนตัวของนักเตะกล่าวเอาไว้ในวันเสาร์ โดยเป็นการบอกเป็นนัยๆว่าโค้ชแจ้งกับนักเตะว่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงในตำแหน่งมิดฟิลด์กลางสนามทันทีหากว่าย้ายมา
บลินด์เป็นนักเตะที่เชื่องช้าเกินไปสำหรับตำแหน่งแบ็คซ้าย และดูจะหลุดตำแหน่งหลายต่อหลายครั้งเมื่อพูดถึงการเล่นเกมรับ ในขณะที่เขาแทบจะไม่ถูกทดสอบใดๆในการแข่งขันฟุตบอลโลก เขาจะต้องเจอกับความกดดันมากมายในเวทีพรีเมียร์ ลีก
ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง เขาจะมีความช่ำชองและความสะดวกสบายกับตำแหน่งนี้มากกว่าแบ็คซ้ายมาก ทักษะการเอาตัวรอดและการผ่านบอลของเขาจะถูกนำมาใช้ สปีดบอลของพรีเมียร์ ลีกอาจเป็นอุปสรรคข้อใหญ่ที่สุดที่บลินด์ต้องปรับตัวให้ได้ อย่างไรก็ตามด้วยการมีอังเคล ดิ มาเรีย, ฆวน มาต้าและอันเดร์ เอร์เรร่า หลักความคิดของฟาน ฮาลที่มีต่อเพื่อนร่วมชาติคนนี้คือการจับเขายืนในตำแหน่งกองกลางตัวรับกับระบบไดมอนด์
แม้ว่าการทำแบบนี้จะเป็นการลดความสามารถของนักเตะในการเติมเกมเพื่อเล่นเกมรุก หรือปิดกั้นโอกาสในการจ่ายบอลฉลาดๆของเขา เขาจะสามารถกำหนดจังหวะเกมการเล่นของทีมเพื่อเชื่อมโยงกับมิดฟิลด์มากพรสวรรค์คนอื่นๆได้
บลินด์ไม่ใช่นักเตะที่จะช่วยให้ทีมได้รับชัยชนะ ไม่ใช่นักเตะผู้ที่จะเปลี่ยนเกมหรือเป็นสตาร์ระดับโลก เขาเป็นนักเตะที่แน่นอน, เฉลียวฉลาดและมีประสิทธิภาพ
เขาเคยพูดเอาไว้ว่า “ผมไม่ใช่นักเตะที่ยิงประตูได้มากมายในหนึ่งฤดูกาล ผมเป็นนักเตะที่เล่นเพื่อทีม ผมสามารถทำให้ผลงานการเล่นของนักเตะคนอื่นพัฒนาขึ้นมาได้”
แง่มุมดังกล่าวที่เขามีต่อเกมการแข่งขันอาจเป็นสิ่งสำคัญต่อยูไนเต็ด ที่ยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็นมา 4 เกมติดต่อกันแล้ว
โรนัลด์ เดอ บัวร์บอกกล่าวกับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดว่าพวกเขาไม่ควรไปคาดหวังประสิทธิภาพการเล่นเกมบุกระดับโลกจากนักเตะรายนี้ แต่ยืนยันว่านี่คือดีลที่ส่งผลดีต่อทุกๆฝ่าย
“แฟนบอลไม่ควรคิดว่าพวกเขาคว้าตัวโรนัลโด้มาได้”
“ดาลี่ย์ บลินด์เป็นนักเตะที่เล่นเพื่อทีมและทำให้คนอื่นๆเล่นได้ดีขึ้น เขาทำให้ทุกๆอย่างดูง่าย แต่จริงๆแล้วมันยากแสนยาก”
หนึ่งสิ่งที่จะทำให้แฟนบอลยูไนเต็ดรักใคร่ในตัวบลินด์ก็คือการทำงานหนักทั้งในและนอกสนาม ตั้งแต่นาทีแรกจนถึงนาทีสุดท้าย นักเตะชาวฮอลแลนด์รายนี้จะทุ่มเททั้งกายและใจอย่างที่เขาได้ทำมาเสมอ
การย้ายไปค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดนั้นถือเป็นหนึ่งในการทำงานหนักที่เขาสร้างเอาไว้ แค่ไม่กี่ปีก่อน ความคิดที่ว่าเขาจะได้ย้ายมาเล่นให้กับยักษ์ใหญ่ชุดสีแดงในพรีเมียร์ ลีกดูเป็นไปไม่ได้เลย
อย่าว่าแต่พูดถึงการย้ายมารับทรัพย์ก้อนโตได้ทำงานร่วมกับหลุยส์ ฟาน ฮาลที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเลย มีช่วงเวลาในการค้าแข้งของเขาที่ดูเหมือนว่าเขาไม่มีอนาคตหลงเหลืออยู่กับอาหยักซ์ด้วยซ้ำ
ในตอนที่ก้าวขึ้นชั้นมาติดทีมชุดใหญ่ของอาหยักซ์ด้วยวัย 18 ปี มาร์ติน โยลเชื่อว่าแข้งรายนี้จะไม่สามารถสร้างชื่อกับยอดทีมแห่งฮอลแลนด์ได้ อย่างไรก็ตามแฟรงค์ เดอ บัวร์เปรียบเหมือนผู้ชุบชีวิตเขา โดยก้าวมารับตำแหน่งต่อจากโยล และให้โอกาสบลินด์อีกครั้งกับบทบาทแบ็คซ้าย
แฟนบอลของสโมสรเกลียดเขา และไม่รู้สึกผิดใดๆในการส่งเสียงโห่ฮาให้เขารับฟังในสนามอัมสเตอร์ดัม อารีน่า สิ่งเดียวที่แฟนบอลคิดก็คือนักเตะรายนี้ไม่มีสิทธิอันเหมาะสมกับการสวมเสื้อสีแดงขาวอันโด่งดัง แม้จะเป็นบุตรชายของตำนานอย่างแดนนี่ บลินด์
เดอ บัวร์ยืนหยัดเคียงข้างเขาและนักเตะก็เชื่อมั่นในตัวเอง การทำงานหนักและการเอาใจใส่รายละเอียดของแท็คติกส์อันยอดเยี่ยมจากเดอ บัวร์และบิดาของเขาพัฒนาไปได้อย่างดี
ปี 2013 ในวันที่อาหยักซ์คว้าตำแหน่งแชมป์ลีกเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน พวกเขาเฉลิมฉลองบนเวทีต่อหน้าแฟนบอลด้านนอกสนามอัมสเตอร์ดัม อารีน่า ในระหว่างการเฉลิมฉลอง รางวัลถูกประกาศขึ้นและบลินด์ก็คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของอาหยักซ์ไปครอง
ในช่วงเวลานั้น นักเตะผู้ซึ่งเคยถูกแฟนบอลตราหน้าก่นด่า เอาชนะใจคนพวกนั้น “ดาลี่ย์ บลินด์ ใครไม่รู้จักเขามั่ง? ดาลี่ย์ บลินด์, ดาลี่ย์ บลินด์ ลูกผู้ชายตัวจริงของอาหยักซ์” บทเพลงดังกล่าวถูกร้องขึ้นมา
บทเพลงเหล่านี้แต่งขึ้นเพื่อนักเตะในระดับเดียวกับเดอ บัวร์หรือโยฮัน ครัฟฟ์เท่านั้น บลินด์กลายเป็นตำนานไปแล้ว และสถานะของเขามีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ
ในฤดูกาลที่ผ่านมา เดอ บัวร์เปลี่ยนบทบาทของบลินด์จากแบ็คซ้ายมาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเขาก็เจิดจรัสเบ่งบานกลายเป็นยิ่งกว่าฮีโร่ หากไร้ซึ่งบลินด์และลาสเซ่ โชน อาหยักซ์อาจสูญเสียแชมป์ลีกไปให้กับเฟเยนอร์ดก็เป็นได้
ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไรที่บลินด์ถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่มแห่งปีของเอเรดิวิเช่
ปัจจุบันดาวเตะรายนี้เดินทางไปไกลอีกก้าว จากนักเตะที่หมดอนาคตในยุคของมาร์ติน โยล กลายเป็นผู้ไถ่บาปของอาหยักซ์และฮอลแลนด์ พาต้นสังกัดคว้าแชมป์เอเรดิวิเช่ 4 สมัยกับเหรียญทองแดงในรายการฟุตบอลโลก และย้ายสู่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
นี่คืออีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของดาลี่ย์ บลินด์ ผู้ซึ่งก้าวกระโดดไปได้ไกลใหญ่โตมโหฬาร…
ที่มา soccersuck
เผยประวัติดาลี่ย์ บลินด์-จากแข้งแฟนบอลยี้สู่นักเตะยอดเยี่ยมสโมสร
0 ความคิดเห็น