Open top menu
วันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2561

เข้าวงการตั้งแต่ยังเป็นแค่ตลกคนหนึ่งของคณะชวนชื่น มาวันนี้ผ่านไปด้วยความมุ่งมั่น ทำให้ แจ๊ส ชวนชื่น หรือ ผดุง ทรงแสง ที่เคยเป็นแค่นักแสดงตลก ตอนนี้กลายมาเป็นนักแสดงตลกชื่อดังแถวหน้าของวงการบันเทิง ซึ่งถ้าหลายคนนึกถึงชื่อของ แจ๊ส ชวนชื่น ก็จะนึกถึงเพลง นึกถึงหนัง นึกถึงวงดนตรี แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก ที่มีน้องๆ ในวงเกือบร้อยชีวิตอยู่รวมกันเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่

ล่าสุด บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับ แจ๊ส ชวนชื่น ถึงชีวิตในวงการบันเทิงที่ผ่านมา โดยแจ๊สได้บอกว่า เขาเริ่มงานแสดงหนังจากค่าตัวแค่ 3,000 บาทเท่านั้นเอง

เป็นยังไงบ้างออกคอนเสิร์ตทุกวัน?

“ผมได้งานมา 10 งานต่อเดือน ตอนนี้มีหนังมาด้วย มันเลยต้องแบ่งระหว่างรายการต้องจัดวางให้ดี บางทีมีงานที่ตื่น 11.00 โมง ทำงานตลกใช้สมองเยอะ นอนก็เหมือนไม่ได้นอน ตื่นแล้วก็ไปทำงานเลย บางทีก็กลับมาเย็น ไม่ก็ทุ่มอย่างต่ำมากสุดก็ตี 3 เที่ยงคืน จะมีหลายๆ เวลา”

มีบ้างไหมลูกอยากให้พ่ออยู่ด้วย?

“เขาก็อยู่ได้หมดนะ เขาไม่ติดแม่มาก ไม่ได้ติดพ่อมาก ไม่ค่อยติดใครมาก เเต่อยู่กับใครก็ได้หมด เวลานอนเขาจะเปลี่ยนห้องผมบ้าง พี่เลี้ยงบ้างเเล้วแต่ เขาดีอย่าง เขาเลี้ยงง่ายไม่ใช่เด็กงอแง โชคดีตรงนี้เวลาพาออกไปไหนเขาจะเป็นไข้บ่อย เเล้วเวลาเป็นไข้เขาก็จะมีอาการชักตามไปด้วยตั้งแต่ 8 เดือน จนตอนนี้ขวบกว่า”

มีการรับงานยังไง?

“ถ้าเป็นจันทร์-พุธ จะเป็นถ่ายรายการประจำ ส่วนวันพฤหัส-ศุกร์จะเป็นถ่ายหนัง ช่วงค่ำศุกร์-อาทิตย์เป็นงานวง แต่ที่รับงานวงน้อยลงมันไม่มีเวลา เเล้วได้แค่ศุกร์-อาทิตย์แค่นั้น และวันอาทิตย์เช้ารีบมาถ่ายหนังต่ออีก”

รับงานวงน้อยลงทีมงานในวงเข้าใจไหม?

“เข้าใจ เราจะบอกเลยว่าสิบงานเราจะสตาร์ตไว้ให้เลย ถ้าไม่มีเขาก็เข้าใจ เราบอกเขาว่าเราจะไม่ทิ้ง”

ทำงานเยอะขนาดนี้เงินเก็บร้อยล้านรึยัง?

“โห่ว เอาหลักสิบก่อนดีกว่ามั้ย ภาระเราเยอะ เราไม่ได้อยู่คนเดียวแบบคู่สามีภรรยา เเต่เรามีลูก หลาน เด็กๆ น้องที่ทำงานด้วย พ่อแม่ ครอบครัวอีก บิวต์เด็ก 24 คน”

ถ้าในอนาคตจากที่เป็นตลกมีชื่อเสียง แต่ชีวิตผกผันกลายเป็นตลกที่เรตติ้งตกเตรียมตัวยังไง?

“ส่วนตัวผมไม่ได้เตรียมตัว เเค่ว่าผมโชคดี ผมไม่ได้อยู่คนเดียว ดีที่ผมมีภรรยา มีครอบครัว ถึงชีวิตมันตก แต่ผมยังมีภรรยาที่ดีคอยจูงเราไป ผมก็คิดมาตลอด แจงจะรู้ แต่เราก็จะสู้ให้ถึงที่สุด

เราก็ไม่ได้ยอมให้ชีวิตเป็นแบบนั้น แต่ถ้าตกเเล้วเราก็ต้องยอมรับมันนะ เราจะเอาความตกต่ำชื่อเสียงมาค้านกัน แต่ในคำว่า แจ๊ส ชวนชื่น เเล้วคนจะจำในรูปแบบไหนผมไม่ซีเรียส นักมวยต่อยได้แชมป์มันยังมีแชมป์ใหม่ เรื่องแบบนี้ผมไม่ซีเรียส”

ถ้าวันหนึ่งไม่มีคนจ้างจะบอกทีมงานในวงอย่างไร?

“จะพูดบอกตลอด จะไม่พูดถึงเรื่องเงิน จะบอกว่าแอ็กทีฟน่ะ ขยัน รักกันให้มาก โชคดีที่ว่าผมไม่ใช่ผู้นำที่ใจร้าย ผมไม่ใช่ผู้นำที่ว่าใคร ไม่เคยว่าใครไม่ชี้นิ้วด่าใคร ไม่เคยใช้คำพูดนู่นนี่นั่น จะบอกเหตุผลกับทุกคนว่า เรามาถึงขนาดนี้มักจะบอกว่ากุกลัวว่ามึงจะทิ้งกุมากกว่า

น้องๆ บอกว่าไม่ทิ้งหรอกเราก็จะทำเรื่อยๆ ทำมันเรื่อยๆ เราอยากให้น้องเห็นว่าเราทำหลายอย่าง อดหลับอดนอนมา น้องๆ เขาก็เห็นว่าเราไม่ทิ้ง เราจะไม่ให้น้องลำบาก ทุกคนเป็นครอบครัว ไม่จำเป็นต้องเก่ง ทีมผมไม่ได้มีใครเก่ง ตัวผมไม่ได้เก่ง ผมทำเพราะผมรักดนตรี อยากให้คนได้พูดถึงผมจริงจังมาก”

หนักสุดที่เจอผ่านมาไกลรึยัง?

“มันเลยมาไกลแล้วนะ ผมบอกตรงๆ ผมประสบความสำเร็จในชื่อเสียงผมนะ แค่คนจำชื่อได้หลังจากวันนั้นไม่มีอะไรมีความสุขมากกว่านี้แล้ว จากวันนั้นจนมาวันนี้เป็นกำไรหมดเลยแค่ประคอง เราโชคดีด้วยว่าพอเรามีชื่อเสียง เราก็ทำงานได้มั่นใจมากขึ้น ไม่ต้องกลัวเมื่อก่อน

กล้าที่จะคิดงาน กล้าแสดงออก เมื่อก่อนกว่าเราจะคิด คนไม่เข้าใจกว่าเราจะคิดได้ เราต้องทำตามคนกี่คนงานกี่แบบ ถูกกำกับตัวอะไรบ้าง พอพ้นตรงนี้เรามีอิสระทางความคิด ด้วยความที่ตอนนี้เป็นโลกของโซเชียลด้วย เราเลยทำอะไรต่อไปได้ และเราไม่ได้เหลิง เรามีความสุขในงานตรงนี้”

อยากที่จะทำหนังเองไหม?

“รอถ้าดีกว่านี้ มีโปรเจกต์ที่คุยไว้แต่นานหน่อยมีเเต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้เรามีหนัง 4 เรื่อง เราก็เก็บประสบการณ์จากคนอื่นก่อน เคยเล่นหนังเรื่องแรกตั้งแต่ค่าตัว 3,000 บาท ตอนนี้ก็ประมาณหลักล้าน แต่เล่นทั้งเรื่องนะ เราเรียกค่าตัวตามความเหมาะสมไม่ได้หนักขนาดนั้น”

เริ่มต้นจากค่าตัวหลักพันตอนนี้หลักล้านแล้ว กี่ปีผ่านไป?

“ตั้งเเต่ตอนอายุ 17 จนตอนนี้อายุ 33 ผ่านไป 14 ปี พี่จิ้มเป็นคนฝากให้ด้วยนะ หนังเรื่องแรกก็ได้เล่นราคาค่าตัว 3,000 ขอให้ได้เล่นตอนนั้นยังเป็นแผ่นฟิล์มอยู่เลยนะ ก็คิดมาตลอดอยากเล่นหนัง ตอนนี้ได้ครบหมดแล้ว อยากเล่นหนังก็ได้เล่น

อยากเล่นดนตรีก็ได้เล่น อยากทัวร์คอนเสิร์ต เหมือนดาราคนอื่นที่ไปต่างจังหวัด อยากขึ้นเครื่องบินไปโน่นไปนี่เหมือนเค้า ทำไมเราได้ไปแค่สระบุรี นครปฐม อยู่แค่แถวๆ นี้ จนวันหนึ่งขึ้นได้หมด ได้ไปหมด หนังก็อยากเล่น เราก็ได้เล่นแล้ว เมื่อก่อนอยากเป็นมีรายการประจำ เราเป็นได้แค่แขกรับเชิญ พอได้มีรายการประจำเราดีใจมาก

คือตอนนี้เรามีหมดแล้ว จะกลับไปจุดเริ่มต้นก็ไม่เสียดายแล้ว กลับไปปิ้งลูกชิ้นก็ไม่เสียดาย มันเฉยๆ มาก อย่างที่บอกเราอยากได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง หนังก็อยากทำมาก ทุกคนพร้อมช่วยเรา เราก็อยากหายไปสักสองเดือนนั่งทำกับมันจริงๆ เพื่อจะไม่ได้ต้องเอาชื่อเสียงเรามาทำเสีย ทำแบบไม่ต้องเอ่ยชื่อเราก็ได้ ค่อยมาใช้นามปากกาเราก็อยากทำมันออกมาให้ดี ถ้ามันออกมาไม่ดี ก็แปลว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว”.





ที่มา : thairath , wongkan
Different Themes
Written by Lovely

Aenean quis feugiat elit. Quisque ultricies sollicitudin ante ut venenatis. Nulla dapibus placerat faucibus. Aenean quis leo non neque ultrices scelerisque. Nullam nec vulputate velit. Etiam fermentum turpis at magna tristique interdum.

0 ความคิดเห็น