Open top menu
วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561

ทนายษิทรา พร้อมด้วย ทนายเดชา โต้เดือด ประธานบอย ปมช่วยคนหรือหลอกเงิน พบผู้เสียหายโผล่เพียบกลางรายการ ลั่นพี่น้องทนายรวมตัวเตรียมฟ้องให้ถึงที่สุด!

เมื่อวันที่ 9 ม.ค.61 รายการต่างคนต่างติด ได้เชิญ นายธนาพิพัฒน์ ชัยธนาธนธัต หรือที่รู้จักกันในนามของ ประธานบอย มาร่วมโต้เถียงเรื่อง "เผชิญหน้า "ประธานบอย" กับ "ทนายดัง" ช่วยคนหรือหลอกเงิน ?" กับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และผู้เสียหาย คือ น.ส.อนุสรา วงศ์สนิท หรือ คุณปุ้ย ที่ได้ร้องเรียนว่าถูกประธานบอยหลอกลวง

โดยคุณปุ้ย ได้เล่าว่า ตนได้ขอให้ประธานบอยช่วยดำเนินการเรื่องคดี โดยตกลงกันไว้ที่ 150,000 บาท และขณะทำสัญญาจ้างประธานบอยให้กระดาษเปล่ามาให้เซ็นแล้วนำไปเพิ่มข้อความทีหลังเป็น 3 แสนบาท เมื่อยกเลิกสัญญาก็ไม่ยอมคืนเงินให้

ด้านทนายตั้ม ได้ย้อนถามประธานบอยว่า ในสัญญาจ้างระบุว่า ต้องแต่งตั้งทนายภายใน 15 วัน โดยสัญญานี้ได้ทำวันที่ 9 ธ.ค. แต่ขึ้นศาลวันแรกวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวไม่ถึง 15 วัน เหมือนเป็นการสร้างเงื่อนไขเพื่อจะได้ไม่ต้องคืนเงิน และการถอนทนายนั้นสามารถทำให้เสร็จเพียงในวันเดียวได้

ประธานบอย กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่คืนเงิน 150,000 บาท เพราะอีกฝ่ายผิดสัญญา ไม่ยอมถอนทนายชุดเดิม ทำให้ทนายที่ตนติดต่อมาช่วยต้องยกเลิกงานอื่นมาช่วย และเอกสารยกเลิกสัญญาอีกฝ่ายไม่ยอมเขียนเอง แต่เป็นผู้ชายอีกคนเป็นคนเขียนได้ รวมทั้งยังให้ตนโอนเงินให้กับผู้ชายคนดังกล่าว

ขณะที่ปุ้ย ยืนยันว่า เงินจำนวน 150,000 บาท ตนได้หยิบยืมมาจากผู้ชายคนดังกล่าวและเคยบอกประธานบอยโอนเงินเข้าบัญชีตนแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ยอมโอนเงิน

ทนายเดชา ได้กล่าวเสริมว่า คำว่าหลอกลวงคือ การที่ประธานบอยให้คำมั่นสัญญาทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งในทางกฎหมายมี 2 อย่างคือ โกหก กับ ปกปิดไว้ หากเข้า 2 เหตุนี้ก็เข้าข่ายหลอกลวง ซึ่งตนยังไม่รู้รายละเอียด

ทั้งนี้ นายแกละ ผู้เสียหายอีกราย ได้กล่าวว่า ตนรู้จักประธานบอยจากคลิปในเฟซบุ๊ก จึงติดต่อให้ช่วยเหลือหลายคดี คดีแรกคือผู้รับเหมาก่อสร้างผิดแบบที่ จ.ชุมพร คดีนี้อยู่ในชั้นศาลฎีกา และอีกคดีเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐใช้ ม.44 ตรวจค้นโดยมิชอบ เสียเงินไป 1 ล้าน 3 แสนบาท มีทนายให้แต่ไม่ชัดเจน และยังอ้างว่าจะหาหลักฐานใหม่ส่งศาลฎีกา

ทนายตั้ม ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีที่อยู่ในชั้นฎีกาจะไม่สามารถยื่นหลักฐานใหม่ได้ ใครก็ตามที่บอกว่าจะส่งหลักฐานใหม่ให้นั้นถือว่า ฉ้อโกง

พฤติกรรมของประธานบอยไม่ใช่ทนาย การเป็นนายหน้าหาทนายนั้นถือว่าผิดกฎหมายโดยชัดเจน และทนายที่ทำงานด้วยก็ต้องถูกลบชื่อออกจากสภาทนายความ และรายการนี้จะเป็นรายการที่จะปิดเกมประธานบอย” ทนายเดชา กล่าว

นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกราย คือ นางณัทกาญจน์ภร แอกทอง หรือ คุณบน กล่าวว่า ตนเสียเงินไปแล้ว 55,000 บาท จากที่ตกลงกันไว้ตอนแรกคือ 75,000 บาท แต่คดีไม่คืบหน้า โดยวันที่ขึ้นศาลประธานบอยได้บอกว่า ทนายป่วยมาไม่ได้ และตอนที่ตกลงทำสัญญาก็ให้ตนเซ็นกระดาษเปล่า

ทั้งนี้ ทนายษิทรา กล่าวว่า จะต้องมีการดำเนินคดี ขณะที่ทนายเดชา ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า พี่น้องทนายความได้รวมตัวกันจะดำเนินคดีกับประธานบอยให้ถึงที่สุด

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายธนาพิพัฒน์ หรือประธานบอย เคยถูกเจ้าหน้าที่ใช้ ม.44 เข้าจับกุมในข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืน และอ้างตัวเองว่าเป็นประธานคณะทำงานองค์การตรวจสอบและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ค.อ.ต.ช.)

 


ขอบคุณข้อมูลจาก : ต่างคนต่างคิด
ที่มา : thaijobsgov
Different Themes
Written by Lovely

Aenean quis feugiat elit. Quisque ultricies sollicitudin ante ut venenatis. Nulla dapibus placerat faucibus. Aenean quis leo non neque ultrices scelerisque. Nullam nec vulputate velit. Etiam fermentum turpis at magna tristique interdum.

0 ความคิดเห็น