Open top menu
วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557
no image

กุนซือไนจีเรียอย่างเดือดจวก กรรมการ ต้นเหตุทำทีมตกรอบ กุนซือไนจีเรียอย่างเดือดจวก กรรมการ ต้นเหตุทำทีมตกรอบ


กุนซือไนจีเรียอย่างเดือดจวก กรรมการ ต้นเหตุทำทีมตกรอบ


สตีเฟ่น เคชี่กุนซือทีมชาติไนจีเรียออกโรงจวกมาร์ค กีเกอร์ผู้ตัดสินว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทีมของเขาต้องตกรอบฟุตบอลโลก 2014


“ผู้ตัดสินมีข้อผิดพลาดมากมายในเกมนี้และนั่นคือข้อสงสัย ผมไม่แฮปปี้กับมันเลย” เคชี่กล่าว


“เขาทำหน้าที่ได้ไม่ดีเลย เขาเป็นมนุษย์ก็จริงแต่มันก็ไม่ใช่การทำหน้าที่ที่ดี เขาต้องตัดสินจากสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม”


“โอนาซีถูกทำฟาล์วอย่างรุนแรงถึงสองครั้ง เขาอาจต้องหยุดเล่นไปอีกหลายสัปดาห์แต่ผู้ตัดสินก็ไม่ทำอะไรเลย”


“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมวิจารณ์ผู้ตัดสินแบบนี้แต่เขาแย่จริงๆ”


“ผมไม่แน่ใจว่าประตูนั้นเป็นลูกล้ำหน้ารึเปล่าและอยากจะรู้มากว่าทำไมผู้ตัดสินถึงไม่ให้เป็นประตู”


“มันเจ็บปวดที่ต้องมาแพ้แบบนี้ ผมคิดว่าไม่ควรจะต้องมาแพ้แบบนี้แต่นี่แหละฟุตบอล”


“ผมไม่สามารถร้องขอการสนับสนุนจากแฟนบอลที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว พวกเขายอดเยี่ยมมากและหนุนหลังเราอยู่เสมอ ผมเกือบจะคิดว่าเราคือเจ้าภาพบราวิลซะด้วยซ้ำ ผมขอขอบคุณพวกเขาสำหรับทุกอย่าง”


 


ข่าวจาก soccersuck



กุนซือไนจีเรียอย่างเดือดจวก กรรมการ ต้นเหตุทำทีมตกรอบ
Read more
no image

พ็อกบาเผยภูมิใจสุดในชีวิตหลังพาตราไก่เข้ารอบแปดทีมสุดท้าย พ็อกบาเผยภูมิใจสุดในชีวิตหลังพาตราไก่เข้ารอบแปดทีมสุดท้าย


พอล พ็อกบาห้องเครื่องพรสวรรค์สูงของทีมชาติฝรั่งเศสออกอาการดีใจสุดๆหลังเป็นคนทำประตูปลดล็อกให้ทีมตราไก่เอาชนะไนจีเรีย 2-0 ได้สำเร็จ


ดาวเตะยูเวนตุสโหม่งประตูขึ้นนำให้ฝรั่งเศสในนาทีที่ 79 ก่อนจะมาได้ลูกสองจากจังหวะที่โจเซฟ โยโบจะมาทำเข้าประตูตัวเองในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ


“ผมรู้ดีว่ามีคนทั้งประเทศกำลังเชียร์เราอยู่ การทำประตูลูกนั้นได้ปลดปล่อยเรา” พ็อกบากล่าวกับ TF1.


“ผมโคตรแฮปปี้กับทีมและรวมถึงกับคนฝรั่งเศสทั้งประเทศด้วย การได้ลงเล่นในรอบ 8 สุดท้ายในฟุตบอลโลกเป็นความฝันอย่างนึงของผม”


“นี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต”


 


ข่าวจาก soccersuck



Read more
no image

เดส์ชองส์โคตรปลื้มตราไก่ขึ้นแท่น 8 ทีมที่ดีที่สุดในโลก เดส์ชองส์โคตรปลื้มตราไก่ขึ้นแท่น 8 ทีมที่ดีที่สุดในโลก


เดส์ชองส์โคตรปลื้มตราไก่ขึ้นแท่น 8 ทีมที่ดีที่สุดในโลก


ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่ยอมรับว่าเขาภูมิใจเป็นอย่างมากที่ทีมตราไก่สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลกได้สำเร็จ


“เวลานี้เราเป็นหนึ่งในแปดทีมที่ดีที่สุดในโลกแล้ว” เดส์ชองส์กล่าว


“มันเยี่ยมมากและเราจะดื่มด่ำกับมัน”


“ตอนนี้เรามีแต่ความสุข ผมภูมิใจกับสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ ตอนนี้เราต้องก้าวต่อไปเรื่อยๆ”


“เราครองเกมได้ตั้งแต่นาทีที่ 60 เรามีโอกาสหลายครั้ง ประตูของเรามาช้าแต่ทุกเกมมันก็ยากหมดน่ะแหละ”


ข่าวจาก soccersuck



เดส์ชองส์โคตรปลื้มตราไก่ขึ้นแท่น 8 ทีมที่ดีที่สุดในโลก
Read more
no image

เนย์มาร์ไร้ปัญหาพร้อมลงยิงโคลอมเบีย เนย์มาร์ไร้ปัญหาพร้อมลงยิงโคลอมเบีย


เนย์มาร์ไร้ปัญหาพร้อมลงยิงโคลอมเบีย


ทำเอาเหล่าแฟนบอลส่งเสียงกรี๊ดขานรับข่าวดีจากสหพันธ์ฟุตบอลบราซิลยืนยัน เนย์มาร์ กองหน้าตัวความหวังจะผ่านทดสอบความฟิตได้ทันเวลาในนัดดวลกับ โคลอมเบีย รอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2014 วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคมนี้


ซูเปอร์สตาร์จากบาร์เซโลน่าประสบปัญหาบาดเจ็บทั้งต้นขาซ้ายและเข่าขวาในเกมดวลจุดโทษเอาชนะ ชิลี เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางความวิตกกังวลของ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือหนวดหินที่ยอมรับไม่แน่ใจว่าศิษย์โปรดคนนี้จะพร้อมหรือไม่


จนกระทั่ง โฮเซ่ หลุยส์ รันโก้ นายแพทย์ประจำทีมชาติตรวจเช็คอาการของ เนย์มาร์ อย่างละเอียดแล้วไม่พบร่องรอยความเสียหายเพิ่มเติมและดูเหมือนสภาพร่างกายดีวันดีคืนด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับเกมวันศุกร์นี้


“อาการแย่ที่สุดก็ตรงบริเวณเข่า เขาอาจต้องพักไม่เข้าร่วมซ้อมหากเห็นว่ามันจำเป็นจริงๆและไม่เสี่ยงเกินไป” โรดริโก้ ไพโว โฆษกของสหพันธ์ฯเปิดแถลงข่าวความคืบหน้า


“เขาจะได้รับการประเมินอีกครั้ง แต่คุณหมอ รันโก้ บอกแฟนๆว่าไม่ต้องวิตกเพราะเขาไม่มีอะไรต้องกังวลสำหรับเกมที่จะมาถึง”


ข่าวจาก soccersuck



เนย์มาร์ไร้ปัญหาพร้อมลงยิงโคลอมเบีย
Read more
no image

คลิปไฮไลท์บอลโลก เยอรมัน 2-1 แอลจีเรีย GERMANY 2-1 ALGERIA คลิปไฮไลท์บอลโลก เยอรมัน 2-1 แอลจีเรีย GERMANY 2-1 ALGERIA


คลิปไฮไลท์บอลโลก เยอรมัน 2-1 แอลจีเรีย GERMANY 2-1 ALGERIA



ไฮไลท์ฟุตบอล## สามารถดูได้บน Smart Phone:




Full Match ดูบอลย้อนหลัง ## สามารถดูได้บน Smart Phone:


uploading…………


“อินทรีเหล็ก” เยอรมัน เจองานหนักอย่างไม่คาดคิดหวุดหวิดจะโดนแอลจีเรียสวนกลับเล่นงาน โหมบุกหนักแต่เอาชนะในเวลาปกติไม่ได้สุดท้ายมาทำสำเร็จช่วงต่อเวลาพิเศษได้อันเดร ชูร์รเล่ ยิงไขว้สุดสวยก่อนที่โอซิลจะยิงฝังนาทีสุดท้าย แม้มาเสียประตูตีตื้นแต่ไม่ทัน ชนะไป 2-1 เข้ารอบแปดทีมสุดท้ายแบบลากเลือดเจอกับฝรั่งเศส


ฟุตบอลโลก รอบ 16 ทีมสุดท้าย

สนาม : เอสตาดิโอ เบร่า ริโอ,ปอร์โต อเลเกร,บราซิล

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2557

ผู้ตัดสิน : ซานโดร ริชชี่ (บราซิล)

เยอรมัน 2-1 แอลจีเรีย

ประตู : 1-0 ชูร์รเล่ น.92, 2-0 โอซิล น.120, 2-1 จาบู น.120+1


เยอรมันของโยอาคิม เลิฟ ต้องปรับทัพในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ มีอาการป่วยเป็นไข้ต้องขยับเอาเยโรม บัวเต็งเข้ากลางคู่กับแมร์เตซัคเกอร์และส่งชโคดราน มุสตาฟี่มาประจำแบ็คขวา ส่วนแผงรุก โอซิลและเกิทเซ่ ยังประสานริมเส้นโดยมีโธมัส มุลเลอร์ เป็นหน้าเป้าเช่นเดิม


แอลจีเรียของวาฮิด ฮาลิฮ็อดซิช จัดทัพแบบอัดแพ็คแน่นยัดแผงหลัง 5 คนและกองกลาง 4 คน ตัวรุกยังให้โซฟิยาน เฟกฮูลี่ เป็นกำลังหลักร่วมกับอิสลาม สลิมานี่ ดาวซัลโวของทีมและให้ซูดานี่ เป็นหน้าเป้า


ครึ่งแรก


นาที 9 เยอรมันยังหาจังหวะในเกมรุกของตัวเองไม่ได้เกือบโดนแอลจีเรียสวนกลับเล่นงานแล้ว บอลจากแดนตัวเองจ่ายขึ้นหน้าให้อิสลาม สลิมานี่ สปีดหลุดไปทางซ้าย มานูเอล นอยเออร์อ่านเกมวิ่งหน้าตั้งออกมากดดัน สลิมานี่พยายามแตะหนีและยิงเร็วทันทีแต่นายด่านบาเยิร์นสไลด์ตัวสกัดไปได้


นาที 14 เยอรมันได้โอกาสลองทักทายบ้างจากบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ลากขึ้นหน้าไม่มีใครบีบเลยมีพื้นที่ลองซัดไกลแต่ตรงตัวราอิส เอ็มโบลฮี ยกมือปัดมือมือเดียวลอยโด่งหน้าประตูก่อนจะตามไปรับไว้ได้


นาที 15 ลูกนี้น่าจะทำได้ดีกว่านี้สำหรับโซฟิยาน เฟกฮูลี่ หนึ่งในตัวรุกคนสำคัญของแอลจีเรีย ลากมาทางขวาเปิดไปติดบล็อกนักเตะเยอรมัน แต่บอลกลับมาเข้าทางอีกรอบ จัดการหลอกไปได้มีพื้นที่ เวลา ซูดานี่ยืนรอตรงกลางแต่เฟฮุลี่กลับซัดเองลอยออกไปไหนเลย น่าผิดหวังมาก


นาที 17 แอลจีเรียกดดันเยอรมันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อโดนยิงตุงตาข่ายไปแล้วจากจังหวะเปิดทางกราบซ้ายของฟาอูซี่ กูลาม เปิดครอสให้หัวอิสลาม สลิมานี่ พุ่งโหม่งผ่านมือนอยเออร์เข้าไปแต่สุดท้ายไลน์แมนยกธงล้ำหน้าไปก่อน น่าเสียดายมาก

ถัดมานาทีเดียว กูลาม เติมขึ้นมารับบอลทะลุช่องเข้าเขตโทษยิงยัดไปเสาไกล นอยเออร์หมดสิทธิ์ไปแล้วแต่บอลผ่านเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น


นาที 29 นอยเออร์ ต้องวิ่งออกมาช่วยเพื่อนอีกแล้ว แพร์ แมร์เตซัคเกอร์เจอทั้งซูดนี่และสลิมานี่ ไล่บีบแย่งบอลกำลังจะหลุดเดี่ยวแต่นอยเออร์ยืนอ่านเกมรอวิ่งออกไปตัดบอลได้ทันท่วงที


นาที 34 โผล่มาในเกมแล้วสำหรับโธมัส มุลเลอร์ ได้จังหวะจบสกอร์ครั้งแรก มุสตาฟี่ เปิดครอสจากกราบขวามาให้กองหน้าดาวซัลโวแอบด้านหลังกองหลังโหม่งได้ก่อนด้วยแต่โดนไม่เต็มหัวบอลหลุดกรอบไปเยอะ


นาที 38 เยอรมันพยายามจะสร้างโอกาสให้ตัวเองมากขึ้น เมซุต โอซิล มีช่องให้ยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษบอลพุ่งต่ำตรงตัวเอ็มโบลฮีแต่เจ้าตัวรับกระฉอกเข้าทางมุลเลอร์แต่จับบอลพลาดทำออกหลังไปเอง


นาที 41 ทั้งสองทีมแลกหมัดเกือบเป็นประตูด้วยกันทั้งคู่ แอลจีเรียได้โอกาสก่อนจากลูกทุ่มไกลของกูลาม นักเตะเยอรมันโหม่งสกัดไปตั้งให้เมห์ดี้ มอสเตฟา วิ่งมาตะบันเต็มข้อแฉลบบัวเต็งเปลี่ยนจนนอยเออร์หลงทางแล้วแต่บอลหลุดเสาไปหวุดหวิด

ถัดมา 2 นาที เยอรมันน่าได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะยิงไกลของโทนี่ โครสเกือบเสียบมุมแต่เอ็มโบลฮีพุ่งไปปัดได้เข้าทางเกิทเซ่ซ้ำแต่นายด่านคนเก่งลุกเร็วมาบล็อกทัน เป็นสองเซฟสำคัญช่วยไม่ให้เสียประตู


จังหวะก่อนทดเวลาครึ่งแรก โครสมีโอกาสส่องไกลด้วยซ้ายแต่ช่วยสามเหลี่ยมไม่ไกลเลย จบครึ่งแรก เยอรมันกับแอลจีเรียเล่นกันได้สูสีเกินคาดแต่ยังยิงไม่ได้ทั้งคู่เสมออยู่ 0-0


ครึ่งหลัง


ก่อนเริ่มครึ่งหลัง เยอรมันมีการขยับเปลี่ยนตัวคนแรก ถอดมาริโอ เกิทเซ่ออกส่งอังเดร ชูร์รเล่ ลงมาแทน


นาที 49 เยอรมันเริ่มต้นได้ดีมาก บุกมาน่าได้ประตูถึงสองหนจากตัวสำรองชูร์เล่ ได้บอลทะลุช่องเข้าเขตโทษซัดทันทีบอลแฉลบกองหลังแอลจีเรียเปลี่ยนทางหลุดเสาขวามือโกล์ไป ลูกเตะมุมถัดมาโทนี่ โครส เก็บตกล็อกหนีตักมามาตรงกลางให้มุสตาฟี่ เทคตัวสูงโขกเต็มแต่ตรงตัวเอ็มโบลฮีรอดไปหวุดหวิด


นาที 52 แอลจีเรียเกือบได้ส้มหล่นจากลูกเตะมุม มานูเอล นอยเออร์ บินออกมารับบอลแต่ชนกับเพื่อนทำบอลหลุดมือแต่โชคดียังตามตะครุบได้ทัน ถัดมายังเจอเกมโต้กลับเร็วของแอลจีเรียขึ้นมา 4-5 คนแต่สุดท้ายแมร์เตซัคเกอร์มาช่วยบล็อคไว้ได้


นาที 56 โอกาสทองของเยอรมันน่าเป็นประตูสุดสวยอีกลูกในทัวร์นาเม้นต์ ชไวนี่ได้บอลแถวเขตโทษพลิกหันหลังคืนมาให้ฟิลิปป์ ลาห์ม วิ่งมาบรรจงปั่นโค้งกะเสียบสามเหลี่ยมขวามือแต่เอ็มโบลฮี อาจได้โชว์เซฟยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลกก็เป็นได้บิปัดออกไปเหลือเชื่อ


นาที 70 ชโคดราน มุสตาฟี่ โชคร้ายล้มตัวสกัดแล้วเจ็บเอง ลุกขึ้นมากุมต้นขาด้านหลังตรงลงเปลหามออกจากสนาม เลิฟต้องส่งซามี่ เคห์ดิร่า ลงแทนและขยับลาห์มกลับมาเล่นแบ็คขวา


นาที 74 แอลจีเรียยังโต้กลับเล่นงานอยู่เรื่อยๆ หนนี้สลิมานี่ พาบอลมาหน้าเขตโทษซัดทันทีบอลพุ่งตรงกรอบแต่ตรงตัวนอยเออร์รับอยู่หมัด


นาที 80 โอกาสน่าลุ้นอีกครั้งของเยอรมัน มุลเลอร์ขยับไปทางขวาเปิดมาเสาแรกให้ชไวนี่วิ่งโฉบโหม่งตัดหน้าเช็ดไปเสาไกลแต่โดนบางไป บอลออก


นาที 82 4-5 นาทีนี้เยอรมันลุยมาได้จบสกอร์เป็นชุดๆ แผงหลังแอลจีเรียชักเอาไม่อยู่แล้ว โอกาสทองของมุลเลอร์ที่จะเป็นฮีโร่อีกครั้งได้โหม่งลูกเปิดจากกรอบขวาเต็มหัวแต่ไม่หนีมือเอ็มโบลฮีบินเซฟสุดยอดได้อีก บอลเข้าทางชูร์รเล่จะซ้ำเหน่งๆแต่เบลคาเล็ม กองหลังมาช่วยบล็อกไว้ทัน รอดได้อีก


นาที 84 มุลเลอร์ยังจูนไม่ติดได้โอกาสเยี่ยมอีกครั้งจากการวางบอลข้ามแผงหลัง ดาวยิงบาเยิร์นแตะหลอกกองหลังแต่เลือกดีดด้วยขวากะเข้าเสาแรกแต่โดนไม่เต็มออกไป


นาที 90 หลังจากลูกสูตรฟรีคิกซับซ้อนล้ำลึกของเยอรมันล้มเหลวไม่เป็นท่า พวกเขาก็รอดตัวจากจังหวะโต้กลับของแอลจีเรียอีกครั้งด้วยนอยเออร์อีกครั้งที่พุ่งออกมาตัดบอลหลุดเดี่ยวได้อีก ตัดกลับมาเยอรมันสมควรจะได้ประตูชัยจากลูกเปิดของลาห์มให้ชไวนี่โหม่งโล่งๆ พยายามทิ้งตัวโหม่งให้แรงที่สุดแต่ไปตรงตัวเอ็มโบลฮีรับได้อีก


หมด 90 นาทีเยอรมันโหมหนักในช่วง 10 นาทีสุดท้ายแต่ยังยิงประตูชัยเอาชนะนายทวารของแอลจีเรียไม่สำเร็จสุดท้ายเสมอ 0-0 ต้องลุ้นต่อเวลาพิเศษอีก 0 นาที


ช่วงต่อเวลาพิเศษ


นาที 92 เข้าสู่ช่วงต่อเวลาแค่ 2 นาที เยอรมันยิงขึ้นนำไปจนได้จากจังหวะของโธมัส มุลเลอร์ มาทางซ้ายเขาเขตโทษเปิดเรียกยัดเข้ากลางให้อันเดร ชูร์รเล่ โชว์การยิงสุดยอดไขว้ด้วยซ้ายหนีมือเอ็มโบลฮีเข้าไปจนได้ #เยอรมัน นำแล้ว 1-0!!!


นาที 98 โธมัส มุลเลอร์ หาโอกาสให้ตัวเองอีกครั้งล็อคตัดเข้าขวายิงปั่นอ้อมตัวบล็อคแต่เลี้ยวหลุดเสาไป


นาที 102 แอลจีเรียชวดได้ลูกตีเสมอหวุดหวิดจากลูกเตะมุมทางซ้าย ซามี่ เคห์ดิร่า พลาดให้เต็มๆสกัดบอลไม่ดีเข้าทางมอสเตฟาได้ซัดเต็มๆแต่ยิงหลุดเสาออกไปน่าเสียดายสุดๆ


นาที 109 ดูท่าจะเป็นข่าวไม่สู้ดีของเยอรมันเมื่อชไวนี่ ทรุดลงไปมีอาการบาดเจ็บหลังกรำศึกมายาวนานร่วม 100 นาทีสุดท้ายเล่นต่อไม่ไหว คริสตอฟ คราเมอร์ ลงมาแทนเป็นตัวสำรองคนสุดท้าย


นาที 120 เยอรมันการันตีเข้ารอบแปดทีมสุดท้ายแล้วแน่นอนเมื่อเมซุต โอซิล หลุดมาโล่งเลือกเปิดให้ชูร์รเล่ยิงแต่ไม่ผ่านบล็อกกองหลัง โชคดีเข้าทางเพลย์เมคเกอร์อาร์เซนอลยิงอัดเข้าไปเลย #เยอรมัน 2-0!!!


นาที 120+1 ยังไม่จบตายง่ายๆสำหรับแอลจีเรีย แต่คงจะสายไปแล้วได้ประตูตีตื้นจากลูกเปิดทางขวาข้ามมาเสาไกล ลาห์มปล่อยให้อับเดลมูเมเน่ จาบู โฉบมายิงไม่เหลือ #แอลจีเรีย ไล่มา 1-2!!


จบเกม “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน เจองานหนักอย่างไม่คาดคิดหวุดหวิดจะโดนแอลจีเรียสวนกลับเล่นงาน โหมบุกหนักแต่เอาชนะในเวลาปกติไม่ได้สุดท้ายมาทำสำเร็จช่วงต่อเวลาพิเศษได้อันเดร ชูร์รเล่ ยิงไขว้สุดสวยก่อนที่โอซิลจะยิงฝังนาทีสุดท้าย แม้มาเสียประตูตีตื้นแต่ไม่ทัน ชนะไป 2-1 เข้ารอบแปดทีมสุดท้ายแบบลากเลือดเจอกับฝรั่งเศส


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม


เยอรมัน (4-3-3) : มานูเอล นอยเออร์; ชโคดราน มุสตาฟี่ (ซามี่ เคห์ดิร่า น.70), แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, เยอโรม บัวเต็ง, เบเนดิกต์ โฮเวเดส; ฟิลิปป์ ลาห์ม, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ (คริสตอฟ คราเมอร์ น.109), โทนี่ โครส; เมซุต โอซิล, มาริโอ เกิทเซ่(อันเดร ชูร์รเล่ น.46), โธมัส มุลเลอร์


สำรองไม่ได้ลงสนาม : เควิน โกรสส์ครอยท์ซ, มัทธิอัส กินเทอร์, ลูคัส โพโดลสกี้, มิราสลาฟ โคลเซ่, รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์, ยูเลี่ยน แดร็กซ์เลอร์, เอริค ดวร์ม, โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์

โค้ช : โยอาคิม เลิฟ


แอลจีเรีย (5-4-1) : ราอิส เอ็มโบลฮี; อิสซ่า มานดี้, เมห์ดี้ มอสเตฟา, เอสซาอิด เบลคาเล็ม, ราฟิค ฮัลลิเช่ (มัดยิด บูเกร์ร่า น.97), ฟาอูซี่ กูลาม; เมห์ดี้ ลาเซ็น, ซาเฟียร์ ไทแดร์ (ยาซีน บราฮิมี่ น.78), โซฟิยาน เฟกฮูลี่, อิสลาม สลิมานี่; เอล อาราบี ซูดานี่(อับเดลมูเมเน่ จาบู น.100)


สำรองไม่ได้ลงสนาม : เซดริค ซี โมฮาเม็ด, จาเมล เมสบาห์, ฮัสซัน เย็บด้า, นาบิล กีลาส, คาร์ล เม็ดยานี่, โมฮาเม็ด เซ็มมามูเช่, ลิอัสซีน คาดามูโร่, ริยัด มาห์เรซ

โค้ช : วาฮิด ฮาลิฮ็อดซิช


BraXTeuCQAAIsLm


BraXRvHCQAAWGdF


BraXRkbCQAAUvnm


 


ข่าวจาก soccersuck



คลิปไฮไลท์บอลโลก เยอรมัน 2-1 แอลจีเรีย GERMANY 2-1 ALGERIA
Read more
no image

คลิปไฮไลท์บอลโลก ฝรั่งเศส 2-0 ไนจีเรีย France 2-0 Nigeria คลิปไฮไลท์บอลโลก ฝรั่งเศส 2-0 ไนจีเรีย France 2-0 Nigeria


คลิปไฮไลท์บอลโลก ฝรั่งเศส 2-0 ไนจีเรีย France 2-0 Nigeria



ไฮไลท์ฟุตบอล## สามารถดูได้บน Smart Phone:



Full Match ดูบอลย้อนหลัง ## สามารถดูได้บน Smart Phone:


uploading……………


เป็นอีกเกมที่สนุกของรอบนี้แม้ไม่มีดราม่าก็ตามสุดท้ายเป็นฝรั่งเศสลูกโหม่งของปอล ป็อกบาและการทำเข้าประตูตัวเองของโจเซฟ โยโบเอาชนะไนจีเรียไป 2-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป


ฟุตบอลโลก 2014 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

สนาม : เอสตาดิโอ้ นาซิอองนาล เดอ บราซิเลีย

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2557

ฝรั่งเศส 2-0 ไนจีเรีย

ประตู : 1-0 ป็อกบา น.79, 2-0 โยโบ(O.G.) น.90+2


————————————————–


“ตราไก่”ของเทรนเนอร์ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์จัดหนักส่งตัวหลักที่ได้พักในเกมที่แล้วที่เจ๊าเอกวาดอร์ลงสนามครบครันทั้งเดอบูชี่, เอวร่า, วัลบูเอน่าแถมแดงกลางได้กาบายพ้นโทษแบนคัมแบ็คคุมเกมด้วย แนวรุกทำเซอร์ไพรส์ดร็อปกรีซม็องส่งชิรูด์ยืนหน้าเป้าแลกหมัดรู้ดำรู้แดง แต่แนวรับซาโก้เจ็บไม่พร้อมลงสนามต้องส่งวารานยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟแทน


“อินทรีมรกต”ของเทรนเนอร์สตีเฟ่น เคชี่ต้องปรับทัพ 1 ตำแหน่งตรงปีกขวาโมเซสได้ลงแทนไมเคิล บาบาทุนเด้ผู้โชคร้ายแขนหักจากเกมที่แล้วที่พ่ายอาร์เจนติน่าต้องบอกลาบอลโลก


[ครึ่งแรก]
เริ่มเกมทั้ง 2 ฝ่ายไม่ผลีผลามโดยฝรั่งเศสปล่อยให้ไนจีเรียครองบอลบุกรอโต้กลับและได้ทักทายก่อนนาที 15 จังหวะเคาน์เตอร์วัลบูเอน่าหุบเข้ากลางรับบอลแล้วถ่ายออกซ้ายให้เบนเซม่าดีดเร็วเข้าหัวกระโหลกชิรูด์แต่งเข้าซ้ายแล้วซัดหักข้อหลุดกรอบไม่ได้ลุ้น

แต่เพียง 2 นาทีถัดมาไนจีเรียได้ทักทายกลับบ้าง ฟรีคิกหน้าหัวกระโหลก”อินทรีมรกต”ตัดสินใจเล่น 2 จังหวะ มิเกลเขี่ยให้เอเมนิเก้ซัดตูมด้วยขวาข้ามคาน


และอีก 2 นาทีต่อมาไนจีเรียน่าขึ้นนำอย่างที่สุดจากจังหวะขึ้นเกมรุกริมเส้นฝั่งซ้ายเดอบูชี่หละหลวมปล่อยให้มูซ่าได้เปิดเข้าเขตโทษเอเมนิเก้โฉบตัดหน้าวารานชาร์จที่เสาแรกตุงตาข่ายแต่โดนจับล้ำหน้าแค่ขาข้างเดียวฝรั่งเศสรอดตายหวุดหวิด


ทั้ง 2 ฝ่ายเน้นเกมสวนกลับใส่กันแต่ฝรั่งเศสเล่นน้อยจังหวะและมีประสิทธิภาพกว่าจนเกือบขึ้นนำนาที 22 ป็อกบาได้บอลตรงกลางสนามถ่ายเร็วออกขวาให้วัลบูเอน่าแล้วตัวเองวิ่งเข้าเขตโทษ ปีกเตี้ยล่ำกระชากถึงริมเขตโทษแล้วเปิดเข้ากลางคืนให้ป็อกบาวอลเลย์ด้วยขวาไม่จับเข้ากรอบแต่เอ็นเยียม่าซูเปอร์เซฟผวาปัดทิ้งออกหลังไป


จากนั้นเป็นไนจีเรียที่เริ่มครองบอลบุกได้มากกว่าแต่แนวรับฝรั่งเศสยังเหนียวแน่นบล็อคลูกยิงของทั้งเอเมนิเก้และโอเด็มวิงกี้ได้แต่จังหวะจะสวนยังไม่เข้าเป้าเพราะแนวรับ”อินทรีมรกต”ลงเร็วและยืนกันแน่นมาก


ต้องรอถึงนาที 34 กว่าฝรั่งเศสจะได้ลุ้นอีกครั้งจากการเติมเกมริมเส้นฝั่งซ้ายของเอวร่าที่ครอสเร็วตัดเข้าเขตโทษบอลทะลักถึงเสาสองเดอบูชี่เติมสูงวิ่งเข้าวอลเลย์ตูมเดียวด้วยขวาหลุดกรอบออกไป


ท้ายครึ่งแรกฝรั่งเศสบุกได้น้ำได้เนื้อกว่าเกือบขึ้นนำอีกครั้งนาที 40 มาตุยดี้เลี้ยงลุยถั่วขึ้นหน้าแล้วจ่ายเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้วัลบูเอน่าตบกลับเข้ากลางเบาๆเดอบูชี่เติมมันส์อีกแล้วคราวนี้กดตูมด้วยขวาเฉียดเสาแรกออกนิดเดียว


แต่ก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียวไนจีเรียได้ขู่ฟ่อเตือนฝรั่งเศสห้ามประมาท เอเมนิเก้รับบอลจากเพื่อนเลี้ยงจี้ถึงหน้าเขตโทษฝั่งขวาแล้วซัดตูมด้วยขวาดื้อๆบอลพุ่งเข้ากรอบด้วยร้อนถึงญอริสต้องออกแรงปัดทิ้ง


…..จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0 แต่เป็น


[ครึ่งหลัง]
เปิดฉากครึ่งหลังยังหาโอกาสทำประตูกันจังๆไม่ได้แต่โชคร้ายตกใส่ไนจีเรียก่อนนาที 56 เมื่อโอนาซี่โดนมาตุยดี้ย่ำเต็มข้อเท้าได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องถูกหามออกจากสนามให้กาเบรียลลงแทนในอีก 3 นาทีถัดมาขณะที่มิดฟิลด์จอมขยันของ”ตราไก่”โดนใบเหลืองเป็นการเตือน

เกมผ่านครึ่งชั่วโมงเป็นไนจีเรียออกหมัดก่อนจากความพยายามของเอเมนิเก้เลี้ยงจากกราบซ้ายแล้วตัดเข้าในแล้วซัดไกลด้วยขวาจากมุมเขตโทษบอลโค้งทิศทางตรงกรอบแต่ข้ามคาน


15 นาทีของครึ่งหลังผ่านไปไนจีเรียเล่นดีกว่าชัดเจนจนเดสช็องส์อยู่ไม่ไหวต้องแก้เกมให้ฝรั่งเศสด้วยการถอดชิรูด์ที่ฟอร์มเดียวกับในอาร์เซน่อลออกส่งกรีซม็องยืนปีกหุบเบนเซม่ายืนหน้าเป้าตามเดิม


ไนจีเรียมาได้ลุ้นจังๆอีกครั้งนาที 64 คราวนี้เป็นโอเด็มวิงกี้โชว์บ้างเลี้ยงจากกราบขวาตัดเข้าในยึกยักทำท่าจะยิงก่อนหลอกจนแนวรับฝรั่งเศสเสียศูนย์แล้วซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษบอลพุ่งเรียดตรงกรอบแต่ไม่ห่างญอริสล้มตัวเซฟไว้ได้อีกครั้ง


แต่เล่นไปเล่นมากระแสเกมเปลี่ยนเข้าทางฝรั่งเศสเฉยและเกือบขึ้นนำอีกครั้งนาที 70 เบนเซม่าเลี้ยงจากกราบซ้ายตัดเข้าในดีดให้กรีซม็องชิ่งกลับเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้เบนเซม่าหลุดเดี่ยวไปดีดติดบล็อคเอ็นเยียม่าบอลเด้งโดน”เบนซ์”กระดอนกลับจะข้ามเส้นแต่โมเซสกลายเป็นผู้ช่วยชีวิตไนจีเรียวอลเลย์เคลียร์ทิ้งจากเส้นทัน


ฝรั่งเศสน่าขึ้นนำอย่างที่สุดนาที 77 แต่ชวดอีกแล้ว เตะมุมฝั่งซ้ายวัลบูเอน่าเปิดโค้งทะลักไปเสาไกลเบนเซม่าเอาบอลลงแล้วกึ่งยิงกึ่งผ่านด้วยขวาถูกอัมโบรสเคลียร์ทิ้งหน้าเส้นประตูแต่บอลลอยออกขวาเข้าทางกาบายพักอกแล้ววอลเลยสวนระยะไกลด้วยขวาบอลฮุคผ่านมือเอ็นเยียม่าแล้วแต่ดันชนคานเด้งลงพื้นไม่ข้ามเส้นชวดได้ประตูน่าเสียดายเป็นที่สุด


แต่สุดท้ายฝรั่งเศสมาขึ้นนำจนได้ในอีก 2 นาทีถัดมาเริ่มที่วัลบูเอน่าครอสเร็วจากกราบขวาเข้าเขตโทษพอดีกับเบนเซม่าโดดโขกเต็มกบาลแต่เอ็นเยียม่าสุดยอดโดดปัดข้ามคานได้ “ตราไก่”ได้เตะมุมฝั่งซ้ายวัลบูเอน่าเปิดโค้งไปหน้าประตูเอ็นเยียม่าออกมาตัดแต่โดดปัดโดนไม่เต็มบอลทะลักไปเสาไกลป็อกบารับส้มยืนโขกโล่งๆตุงตาข่าย 1-0 ของลูกทีมเดส์ช็องส์จนได้


หลังโดนนำไนจีเรียบุกแหลกหวังตีเจ๊าแต่โดนฝรั่งเศสสวนกลับเกือบหงายเงิบ มาตุยดี้รับบอลจากเพื่อนบริเวณกลางสนามแล้ววางยาวข้ามแนวรับเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายอย่างแม่นยำให้กรีซม็องแต่งเข้าซ้ายแล้วตะบันสุดแรงแต่เอ็นเยียม่าขอแก้ตัวใช้มือขวาปัดข้ามคานทิ้งไปได้อย่างสุดยอด


กระนั้นทดเจ็บนาทีแรกฝรั่งเศสมาได้ประตูฝังไนจีเรียจมกองหญ้า เตะมุมฝั่งขวาเบนเซม่าเล่นสั้นให้วัลบูเอน่าไม่ถ่วงเวลาเลี้ยงจี้หาริมเขตโทษแล้วเปิดเรียดไปหน้าประตูกรีซม็องโฉบตัดหน้าโยโบกับเอ็นเยียม่าทำลายสมาธิสุดท้ายบอลโดนโยโบกระดอนเข้าประตูตัวเองไปอย่างโชคร้าย “ตราไก่”นำ 2-0 และจบลงด้วยสกอร์นี้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม


ฝรั่งเศส( 4-3-3 ) : ฮูโก้ ญอริส – มาติเยอ เดอบูชี่, โลร็องต์ กอสเซียลนี่, ราฟาแอล วาราน, ปาทริซ เอวร่า – ปอล ป็อกบา, โยอัน กาบาย, แบล็ส มาตุยดี้ – มาติเยอ วัลบูเอน่า, โอลิวิเยร์ ชิรูด์, คาริม เบนเซม่า


สำรองไม่ได้ลงสนาม : สเตฟาน รุฟฟิเยร์, มิกกาแอล ล็องโดร้, มามาดู ซาโก้, เอเลียควิม ม็องกาล่า, บาการี่ ซานญ่า, ลูกัส ดินเญ่, เรมี่ กาแบลล่า, ริโอ มาวูบา, มุสซ่า ซิสโซโก้, มอร์กก็อง ชไนแดร์กแล็ง


ไนจีเรีย( 4-4-2 ) : วินเซนต์ เอ็นเยียม่า – เอเฟ่ อัมโบรส, โจเซฟ โยโบ, จูวอน โอชานิว่า, เค็นเน็ธ โอเมรูโอ้ – วิคเตอร์ โมเซส, จอห์น โอบี มิเคล, โอเกนยี่ โอนาซี่, อาเหม็ด มูซ่า – ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้, เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้


สำรองไม่ได้ลงสนาม : ออสติน เอจิเด้, ชิโกซี่ อั๊กบิม, อซูบูอิเก้ เอ็กวูเอเคว่, เอเบเนเซอร์ คุนเล่, ก็อดฟรีย์ โอบัวโบน่า, ไมเคิล อูเชโบ, คริสตานตัส อูโซเอนยี่, รูเบน กาเบรียล, อูเช่ เอ็นโวฟอร์, โชล่า อเมโอบี้


BrZW36HIEAAaMK1


คลิปไฮไลท์บอลโลก ฝรั่งเศส 2-0 ไนจีเรีย France 2-0 Nigeria ch


คลิปไฮไลท์บอลโลก ฝรั่งเศส 2-0 ไนจีเรีย France 2-0 Nigeria p


คลิปไฮไลท์บอลโลก ฝรั่งเศส 2-0 ไนจีเรีย France 2-0 Nigeria c



คลิปไฮไลท์บอลโลก ฝรั่งเศส 2-0 ไนจีเรีย France 2-0 Nigeria
Read more
no image

ฝรั่งเศส vs ไนจีเรีย ฝรั่งเศส vs ไนจีเรีย


พรีวิวฟุตบอลโลก ฝรั่งเศส vs ไนจีเรีย


11 ตัวจริง ทั้งสองทีม


LINE-UP: Lloris (c), Debuchy, Evra, Varane, Cabaye, Valbuena, Giroud, Benzema, Matuidi, Pogba, Koscielny


LINE-UP: Enyeama, Yobo (c), Ambrose, Musa, Odemwingie, Emenike, Mikel, Moses, Oshaniwa, Onazi, Omeruo


สภาพความพร้อมของทั้สองทีม


ฝรั่งเศสของดิดิเยร์ เดส์ชองค์ แทบไม่มีปัญหาในเรื่องการจัดตัวนักเตะ หลังพักนักเตะตัวหลักหลายคนในเกมนัดก่อน เนื่องจากผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้ตั้งแต่เกมที่สองแล้ว เกมนี้คาดว่าผู้เล่นอย่าง ปาทริซ เอฟรา, มาติเยอ เดบูชี, ราฟาเอล วาราน, มาติเยอ วัลบูเอนา และ โยฮัน กาบาย น่าจะกลับมาเป็นตัวจริงได้ทั้งหมด ส่วนในแนวรุก คาริม เบนเซมา จะลงประสานงานกับอองตวน กรีซมันน์ ทำให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ต้องรอโอกาสที่ม้านั่งสำรอง


ด้านไนจีเรียเกมนี้ปัญหาเล็กน้อยหลัง มิเชล บาบาทันเด้ จะไม่สามารถลงสนามได้แน่นอน หลังโดนเพื่อนร่วมทีมยิงบอลอัดจนแขนหักในเกมรองแบ่งกล่มนัดสุดท้ายกับอาร์เจนตินา รวมถึง วิคเตอร์ โมเสส ที่น่าจะเรียกความฟิตกลับมาไม่ทัน โดยเกมนี้น่าจะฝากความหวังในแนวรุกไว้ที่เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้



พรีวิวฟุตบอลโลก ฝรั่งเศส vs ไนจีเรีย
Read more
วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ไฮไลท์ HD+FM ฮอลแลนด์ 2-1 เม็กซิโก//คอสตาริกา 6-4 กรีซ/อื่นๆ ClipFastHD

Read more
no image

ไฮไลท์บอลโลก คอสตาริกา 6-4 กรีซ COSTA RICA 6-4 GREECE ไฮไลท์บอลโลก คอสตาริกา 6-4 กรีซ COSTA RICA 6-4 GREECE


ไฮไลท์บอลโลก คอสตาริกา 6-4 กรีซ  COSTA RICA 6-4 GREECE  (ในเวลาและ 120 นาที เสมอ 1-1 ดวลจุดโทษ คอสตาริกา ชนะสกอร์รวม



ไฮไลท์ฟุตบอล## สามารถดูได้บน Smart Phone:




Full Match ดูบอลย้อนหลัง ## สามารถดูได้บน Smart Phone:


เกือบจะมีดราม่าน้ำตาตกสำหรับ “กล้วยหอม” คอสตาริกาที่เหลือสิบคนดันเสียท่าโดนยิงตีเสมอทดเจ็บแต่เอาตัวรอดยิงจุดโทษแม่นกว่าโค่น กรีซ ได้สำเร็จ 6-4 ทะลุเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศไปพบกับ ฮอลแลนด์


ฟุตบอลโลก 2014 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2557

สนาม: อารีน่า แปร์นัมบูโช่


คอสตาริกา 1-1 กรีซ

(ในเวลาและ 120 นาที เสมอ 1-1 ดวลจุดโทษ คอสตาริกา ชนะสกอร์รวม คอสตาริกา 6-4 กรีซ )


ประตู: 1-0 ไบรอัน รุยซ์ น.52,1-1 โซคราติส ปาปาทาโธปูลอส น.90+1


ครึ่งแรก


เริ่มต้นทั้งสองชาติไม่ต้องคิดอะไรมากเปิดเกมบุกเข้าใส่โอกาสแรกเป็นของทีมแห่งเทพนิยายทักทายก่อนจากจังหวะที่กองหลังคอสตาริกาสกัดไม่เข้าเข้าทางปืน ลาซารอส สับไก 20 หลาเหินข้ามคาน


จากนั้นเป็นโอกาสของ “กล้วยหอม” สร้างความหวาดเสียวในนาที 7 จากจังหวะตัดเกมกลางสนามได้ รุยซ์ แตะต่อไปทางซ้ายให้ บาลายอส สับไกด้วยอีซ้ายเหินข้ามคาน


ยอดทีมแห่งเทพนิยายพยายามตอบโต้บ้างอีก 5 นาทีถัดมา คารากูนิส โยนลูกเตะมุมไปยังจุดนัดพบเข้าหัวเซนเตอร์ฮาล์ฟ โซคราติส โขกสะบัดไม่ตรงกรอบเสียอีก


จากนั้นการเข้าทำของทั้งสองชาติยังไม่ค่อยจะแจ้งเท่าที่ควรจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงนาที 27 ทีมแห่งเทพนิยายได้ลุ้นเล็กๆจากจังหวะ ซามาราส ปั้นบอลแย่งทะลักมาเข้าทางปืนกัปตัน คารากูนิส สับไกระยะ 20 หลาเข้าซองนายทวาร นาวาส


อีก 10 นาทีถัดมาเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเกมนี้ กรีซ พลาดโอกาสทองได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดายสุดๆ โฮเลวาส เติมเกมรุกทางซ้ายก่อนโยนโค้งเข้าไปในกรอบสเขตโทษเสาสอง ซัลปินกิดิส วางเท้าแปจ่อๆติดซูเปอร์เซฟ นาวาส ใช้ขาสกัดออกไป จากนั้นแทบไม่มีจังหวะหวาดเสียวให้เห็นเลย จบครึ่งแรกเสมอแบบไร้สกอร์


ครึ่งหลัง


กลับมาเริ่มต้นกันใหม่แค่ 2 นาทีเท่านั้น ยอดทีมแห่งเทพนิยายโจมตีเร็วเกือบจะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง คารากูนิส เปิดฟรีคิกริมเส้นทางซ้ายไปยังจุดนัดพบในกรอบเขตโทษ ซามาราส เทคตัวขึ้นโหม่งท่ามกลางวงล้อมไปตรงตัวผู้รักษาประตู นาวาส


จากที่ดูเหมือนคงยิงกันยากจู่ๆก็มีประตูเกิดขึ้นในนาที 52 กลายเป็นทางฝั่ง “กล้วยหอม” ขึ้นนำหน้าตาเฉย 1-0 โบลายอส ตะลุยมาทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนจ่ายเข้ากลาง รุยซ์ เปิดหน้าเท้ารอไว้แล้วแปด้วยอีซ้ายแบบไม่ต้องจับบริเวณหัวกระโหลกบอลเสียบเข้าหน้าต่างมุมล่างขวา


พอได้ประตูขึ้นนำ คอสตาริกา คึกใหญ่อีก 2 นาทีถัดมามีโอกาสจะขยับสกอร์เป็น 2-0 จากจังหวะ ดูอาร์เต้ เติมเกมรุกริมเส้นทางขวาก่อนโยนไปหน้าปากประตูบอลโดนมือ โตโรซิดิส เต็มๆ แต่ผู้ตัดสินสงสัยอยู่ไกลเหตุการณ์ไม่ยอมเป่าเป็นลูกโทษที่จุดโทษ


ยอดทีมแห่งเทพนิยายไม่มีอะไรจะเสียพยายามเปิดเกมบุกหวังทวงคืนแต่จังหวะยังไม่จะแจ้งจนกระทั่งนาที 66 เกิดจุดเปลี่ยนของเกมหรือเปล่าเมื่อ “กล้วยหอม” กำลังเล่นดีต้องเหลือ 10 คน ดูอาร์เต้ ไม่ระวังตัวมีใบเหลืองอยู่แล้วดันไปเสียบ โฮเลวาส ผู้ตัดสินควักใบเหลืองใบท่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออก


จากจังหวะต่อเนื่องกันในนาที 67 เทพนิยายกรีกได้ลุ้นตีเสมอ โฮเลบาส โยนฟรีคิกทางซ้ายไปยังจุดนัดพบหน้าประตู ซามาราส เทคตัวโหม่งเช็ดหนาเกินไปบอลหลุดออกนอกกรอบ


เวลาที่เหลือทีมแห่งเทพนิยายพยายามบุกกดดันอย่างหนักหวังตีเสมอให้ได้และแล้วก็เกิดปาฎิหาริย์ตามตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซามาราส โยนบอลยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษ เกคาส บังก่อนพลิกตัวติดเซฟนายทวาร นาวาส ปัดทิ้งเหมือนตั้งให้ โซคราติส ยืนอยู่หน้าปากประตูตามซ้ำดาบสองไม่เหลือ จบเกมเสมอ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที


ต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก


“กล้วยหอม” รู้ตัวดีว่าผู้เล่นเป็นรองเลยต้องเน้นรับให้เหนียวแน่นไว้ก่อนรอจังหวะสวน ขณะที่ กรีซ คนเยอะกว่าต้องลุยนาที 93 เกือบแซงนำ โตโรซิดิส โยนจากทางริมเส้นฝั่งขวา มิโตรกลู โขกเช็ดต่อให้ เกคาส โหม่งเต็มๆหลุดกรอบอย่างเสียวไส้


ทีมแห่งเทพนิยายยังเดินหน้าบุกต่อเนื่องนาที 100 ได้เสียวอีกครั้ง คัทซูรานิส หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายจังหวะสุดท้ายยิงติดบล็อคกองหลังทีมกล้วยหอมสกัดพ้นอันตราย


ต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง


หลังพักเบรกให้น้ำให้ท่ากันแล้ว “กล้วยหอม” ฉวยโอกาสลุยก่อนเลยนาที 106 เบรเนส ตัวสำรองหลุดมาทางขวาก่อนซัด 20 หลาเหินข้ามคาน


แม้ตัวน้อยกว่าแต่เกมของ คอสตาริกา ดีขึ้นเรื่อยๆเป็นฝ่ายบุกกดดันจน กรีซ ต้องเล่นสวนกลับเกือบแซงนำในนาที 112 มิโตรกลู ไหลไปทางขวาให้ ลาซารอส วางเท้ายิงติดเซฟ นาวาส นายทวารล้มตัวปัดทิ้ง


นาทีสุดท้ายของต่อเวลา กรีซ น่าจะได้ประตูชัยไปเลยไม่ต้องยิงจุดโทษจากจังหวะทิ้งบอมบ์ในเขตโทษ เกคาส โหม่งเช็ดไปทางขวาให้ มิโตรกลู วอลเล่ย์เต็มข้อต้องม นาวาส นายทวารพุ่งออกมาใช้เท้าบล็อคได้อย่างสุดยอดจริงๆ จบ 120 นาทีเสมอ 1-1 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ


ดวลจุดโทษ


“กล้วยหอม” ได้ยิงก่อน บอร์เกส ยิงเข้า คอสตาริกา นำ 1-0 คนแรกของกรีซ มิโตรกลู ยิงเข้า เสมอ 1-1


คนที่ 2 รุยซ์ ยิงเข้า คอสตาริกา นำ 2-1 ลาซารอส ยิงเข้า กรีซ เสมอ 2-2


คนที่ 3 กอนซาเลซ ยิงเข้า คอสตาริกา นำ 3-2 โฮเลวาส ยิงเข้า กรีซ เสมอ 3-3


คนที่ 4 แคมป์เบลล์ ยิงเข้า คอสตาริกา นำ 4-3 เกคาส ยิงติดเซฟ คอสตาริกา ยังนำ 4-3


คนที่ 5 อูมาย่า ยิงเข้า คอสตาริกา ชนะ 5-3


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม


คอสตาริกา(3-5-1-1): เคย์เลอร์ นาวาส-ออสการ์ ดูอาร์เต้,จานคาร์โล กอนซาเลซ,มิชาเอล อูมาน่า-คริสเตียน กอมโบอา(จอห์นนี่ อคอสต้า น.77),ไบรอัน รุยซ์,เซลโซ่ บอร์เกส,เยลท์ซิน เตเยดา(โฮเซ่ คูเบโร่ น.65) ,คริสเตียน โบลายอส(แรนดอลล์ เบรเนส น.83) -จูเนียร์ ดิอ๊าซ-โจเอล แคมป์เบลล์


สำรองไม่ได้ลงสนาม: ดาเนี่ยล คตัมโบรเนโร่, เดฟ ไมรี่,ออสการ์ กรานาดอส,รอย มิลเลอร์,มิชาเอล บาร์รานเตส,เวย์ลัน ฟรานซิส,ดีเอโก้ คัลโว่ ,มาร์โก อูเรย่า


กรีซ(4-2-3-1):โอเรสติส คาร์เนซิส-วาซิลิออส โตโรซิดิส,คอสทาส มาโนลาส,โซคราติส ปาปาสทาโธูปูลอส ,โฮเซ่ โฮเลวาส-ยอนนิส มาเนียติส(คอสทาส คัตซูรานิส น.79) ,จอร์จอส คารากูนิส-ดิทิทริส ซัลปินกิดิส(เธโอฟานิส เกคาส น.69),อันเดรียส ซามาริส(คอสทาส มิโตรกลู น.58),ลาซารอส คริสโตดูโลปูลอส-จอร์จอส ซามาราส


สำรองไม่ได้ลงสนาม: พานาจอติส กลิกอส,จอร์จอส ซาเวลาส,วานเกลิส โมราส,อเล็กซานโดรส โซลิส,พานาจอติส โคเน่,ยอนนิส เฟทฟาทซิดิส, พานาจอติส ทาชท์ซิดิส


ข่าวจาก soccersuck



ไฮไลท์บอลโลก คอสตาริกา 6-4 กรีซ COSTA RICA 6-4 GREECE
Read more
no image

พรีวิวก่อนแข่ง ฟุตบอลโลก ฮอลแลนด์ - เม็กซิโก พรีวิวก่อนแข่ง ฟุตบอลโลก ฮอลแลนด์ – เม็กซิโก


พรีวิวก่อนแข่ง ฟุตบอลโลก ฮอลแลนด์ – เม็กซิโก


เวลาแข่ง 23.00 วันที่ 29/6/2557


ถ่ายทอดสดทาง  ช่อง 8ช่อง world cup channel http://www.clipfasthd.com/live1


 


11 ตัวจริงทั้งสองทีม Official


LINE-UP: Ochoa, Rodriguez, Salcido, Marquez (c), Herrera, Layun, Dos Santos, Moreno, Guardado, Peralta, Aguilar


LINE-UP: Cillessen, Vlaar, De Vrij, Blind, De Jong, Van Persie (c), Sneijder, Robben, Verhaegh, Kuyt, Wijnaldum


 


สภาพความพร้อมของทั้สองทีม


ฮอลแลนด์ ของกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล อยู่ในสภาพทีมที่สมบูรณ์เต็มที่เมื่อจะได้ตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี กลับมาจากโทษแบนอีกครั้งในเกมนี้ เช่นเดียวกับ บรูโน มาร์ติน อินดี้ ที่มีอาการบาดเจ็บจนพลาดเกมที่แล้วก็จะฟิตกลับมาลงสนามได้ในเกมนี้เช่นกัน ทำให้ ดาลีย์ บลินด์ ต้องกลับไปเล่นเป็นวิงแบ็คซ้ายเหมือนเดิม


ทาด้านเม็กซิโก มีปัญหาในการจัดทัพเล็กน้อยเมื่อจะไม่มี โฮเซ ฮวน บาซเกซ ที่ติดโทษแบนลงสนามไม่ได้แน่นอน โดยจะเป็น คาร์ลอส ซัลซิโด้ ที่ได้ทำหน้าที่แทน ขณะที่ ฮาเวียร์ เฮอร์นันเดซ ที่เปลี่ยนตัวลงมาทำประตูได้ในเกมที่แล้ว เกมนี้คาดว่าจะต้องออกสตาร์ทบนม้านั่งสำรองเช่นเคย




พรีวิวก่อนแข่ง ฟุตบอลโลก ฮอลแลนด์ - เม็กซิโก

Read more
วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557
no image

โหดกว่าเหยิน!แฟนสิงโตซวยเจอคนเหยียดผิวไล่กัดหูแหว่งคาสนามบอลโลก2 โหดกว่าเหยิน!แฟนสิงโตซวยเจอคนเหยียดผิวไล่กัดหูแหว่งคาสนามบอลโลก


 


แฟนสิงโตซวยเจอคนเหยียดผิวไล่กัดหูแหว่งคาสนามบอลโลก


 


หลุยส์ ซัวเรซ คงต้องยอมแพ้ให้แฟนบอลทีมชาติอังกฤษจริงหลังก่อวีรกรรมฉาวในสนาม มีเหตุทะเลาะวิวาทในเกมที่อังกฤษแพ้อุรุกวัย 1-2 จนถึงขั้นที่ชายคนหนึ่งเลือดตกยางออกโดนกัดหูแหว่งไปเลย


โรเบิร์ต ฟาร์กูฮาร์สัน แฟนบอลผู้เคราะห์ร้ายนี้ซึ่งคาดว่าน่าเป็นแฟนทีม “สิงโตคำราม” เจอแฟนบอลอังกฤษอีกร้ายพุ่งมาทำร้ายโยเขาอ้างว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ


ฟาร์กูซาร์สัน บอกกับช่างกล้องที่มาถ่ายภาพเหตุการณ์นี้ว่า “เขากัดหูผมขาดเลยและชี้หน้าตะคอกด่าผมว่า ไอ้ดำสกปรก แกไม่สมควรมาเชียร์อังกฤษ”


บิลลี่ แกรนท์ แฟนบอลเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็ยืนยันว่า “ทุกคนที่ภาพที่เด็กหนุ่มรายนี้โดนทำร้ายเป็นเรื่องน่าขยะแขยงมาก”


“คนที่ทำร้ายเขาเป็นพวกปัญญาอ่อน มันทำร้ายคนที่เชียร์อังกฤษเหมือนกัน พูดเหยียดเชื้อชาติแถมกัดหูเขาซะขาดเลย”


จากคลิปวีดีโอเหตุการณ์นี้ เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายสวมเสื้ออังกฤษและสะพายเป้ลายขาว-แดงของอังกฤษ โดนชาย 3 คนล็อกตัวเขาไว้ ขณะที่เขาพยายามจะสะบัดตัวหนีออกมา


ทันใดนั้นหนึ่งในชายฉกรรจ์ที่ทำร้ายเหยื่อก็ใช้ฟันกระชากหูซ้ายของเหยื่อจนแหว่งเลือดไหลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนชายอีกคนก็ชกหน้าซ้ำเหยื่อก่อนที่การ์ดรักษาความปลอดภัยจะลากตัวกลุ่มชายฉกรรจ์ออกจากสนามไป


เหตุการณ์ฉาวโฉ่ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่มที่สนามอารีนา โครินเธียนส์ ที่เมืองเซา เปาโล ก่อนหน้าที่จะเหตุการณ์บันลือโลกของหลุยส์ ซัวเรซ กองหน้ากระหายเนื้อที่ไปกัดจอร์โจ คิเอลลินี่ กองหลังอิตาเลี่ยนถึง 5 วัน


คลิปวีดีโอเหตุการณ์จากผู้เห็นเหตุการณ์



โหดกว่าเหยิน!แฟนสิงโตซวยเจอคนเหยียดผิวไล่กัดหูแหว่งคาสนามบอลโลก
Read more
no image

บิ๊กฟิลรับแซมบ้าขี่ดวงเข้ารอบ-โวยเปาปล่อยให้เนย์มาร์ถูกเตะจนน่วม บิ๊กฟิลรับแซมบ้าขี่ดวงเข้ารอบ-โวยเปาปล่อยให้เนย์มาร์ถูกเตะจนน่วม


บิ๊กฟิลรับแซมบ้าขี่ดวงเข้ารอบ

หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือหนวดหินยอมรับ บราซิล อาศัยโชคช่วยเหมือนกันหลังต้องยิงจุดโทษวัดดวงก่อนเอาชนะ ชิลี ไปอย่างสุดระทึก 4-3 แต่แอบตำหนิการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินสงสัยหวั่นเกรงประชาคมโลกครหาเข้าข้างเจ้าภาพทำให้ทีมต้องเสียประโยชน์ในหลายๆจังหวะโดยเฉพาะ เนย์มาร์ โดนเตะซะอ่วม


อดีตเทรนเนอร์เชลซีวิเคราะห์ว่า เนย์มาร์ ไม่ค่อยได้รับปกป้องจาก ฮาเวิร์ด เว็บบ์ กรรมการชาวอังกฤษปล่อยให้กองหน้ามหัศจรรย์โดนเตะหลายครั้งแถมไม่ยอมให้ลูกยิงของ ฮัล์ค เป็นประตูโดยอ้างว่าแฮนด์บอลทั้งๆที่จังหวะก่ำกึ่งเหลือเกิน แต่ยังดีที่ฟ้ามีตาช่วย “เซเลเซา” ทะลุสู่รอบก่อนรองชนะเลิศเป็นชาติแรก


“ทุกสิ่งทุกอย่างดูผิดที่ผิดทางไปหมดสำหรับ บราวิล เรามักเห็นเหตุการณ์อะไรๆหลายอย่างและดูเหมือนผู้ตัดสินไม่ค่อยให้ความเป็นธรรมกับ บราซิล เท่าไหร่” สโคลารี่กล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจหลังจบแมตช์เมื่อวันเสาร์


“เมื่อผมเห็น เนย์มาร์ ในเกมนี้มันทำให้ผมนึกย้อนกลับไปตอนที่เป็นโค้ชโปรตุเกสเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะคล้ายๆกันกับ คริสติอาโน่ โรนัลโด้”


“บางคนบอกว่า เนย์มาร์ ล้มง่ายเกินไป เขาร่วงไป 3 ครั้ง ขณะที่ อเล็กซิส ซานเชซ โดนจับฟาวล์ถึง 15 ครั้ง”


“เรายังมีเวลา 4-5 วันในการพักฟื้น สภาพร่างกายของ เนย์มาร์ ในตอนนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเขาเจ็บต้นขา”


ข่าวจาก soccersuck



บิ๊กฟิลรับแซมบ้าขี่ดวงเข้ารอบ-โวยเปาปล่อยให้เนย์มาร์ถูกเตะจนน่วม
Read more
ไฮไลท์บอลโลกHD+FM บราซิล 4-3 ชิลี//โคลอมเบีย 2-0 อุรุกวัย ClipFastHD


ไฮไลท์ฟุตบอลโลก HD บราซิล 4-3 ชิลี (เสมอเวลาปกติ1-1) +Full Match
http://www.clipfasthd.com/?p=6949

ไฮไลท์ฟุตบอลโลก HD โคลอมเบีย 2-0 อุรุกวัย +Full Match 
http://www.clipfasthd.com/?p=6965

ไฮไลท์ฟุตบอลโลก
Read more
no image

คลิปไฮไลท์บอลโลก โคลอมเบีย 2-0 อุรุกวัย COLOMBIA 2-0 URUGUAY คลิปไฮไลท์บอลโลก โคลอมเบีย 2-0 อุรุกวัย COLOMBIA 2-0 URUGUAY


 คลิปไฮไลท์บอลโลก โคลอมเบีย 2-0 อุรุกวัย COLOMBIA 2-0 URUGUAY



ไฮไลท์ฟุตบอล## สามารถดูได้บน Smart Phone:




เจมส์ โรดริเกซเหมาคนเดียวสองประตูและหนึ่งในนั้นเป็นประตูสุดสวยชนิดประกวดโกลออฟทัวนาเมนต์ได้เลยนำโคลอมเบียเอาชนะอุรุกวัย 2-0 ผ่านเข้ารอบไปพบกับเจ้าภาพบราซิลส่วนจอมโหดตกรอบกลับบ้านตามหลุยส์ ซัวเรซไป


ฟุตบอลโลก 2014 รอบ 16 ทีม

โคลอมเบีย 2-0 อุรุกวัย

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2557

สนาม : เอสตาดิโอ้ ฆอร์นาลิสต้า

ประตู : 1-0 โรดริเกซ น.28, 2-0 -0 โรดริเกซ น.50


ครึ่งแรก


ช่วง 5 นาทีแรกของเกมอุรุกวัยเล่นหนักมากไล่ตัดฟาล์วโคลอมเบียเป็นว่าเล่นและเกือบโดนจากจังหวะฟรีคิกของโคลอมเบียที่เปิดเข้าไปลุ้นในเขตโทษแต่มุสเลร่าปัดบอลทิ้งออกไปได้ ถัดมา 7 นาทีโคลอมเบียมีโอกาสอีกหนจากลูกยิงไกลของซูนิก้าแต่มุสเลร่าก็เซฟเอาไว้ได้อีกหน


20 นาทีแรกเป็นโคลอมเบียที่ครองบอลและทำเกมรุกได้มากกว่าแต่อุรุกวัยก็ดักตัดฟาล์วได้ก่อนจะถึงเขตอันตรายอยู่ตลอดทำให้โอกาสที่โคลอมเบียได้ลุ้นส่วนใหญ่จะเป็นจากลูกเซตเพลย์แต่ก็โยนไม่เข้าเป้าสักเท่าไหร่


นาที 28 โคลอมเบียมาได้ประตูขึ้นนำจากประตูสุดสวยของโรดริเกซที่อากีร่าโหม่งชงมาให้แล้วโรดริเกซพักอกหนึ่งจังหวะแล้ววอลเล่ย์ด้วยซ้ายจากระยะประมาณ 25 หลาบอลพุ่งเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม


หลังเสียประตูขึ้นนำให้โคลอมเบียส่งผลให้อุรุกวัยเปิดเกมรุกมากขึ้นและมาได้ลุ้นจากจังหวะฟรีคิกของคาวานี่ปั่นจากระยะประมาณ 27 หลาบอลเหินข้ามคานไปชนิดได้ลุ้น


อุรุกวัยยังคงเปิดรุกอย่างต่อเนื่องและมีโอกาสในนาทีที่ 39 จากจังหวะที่กอนซาเลซยิงสวนลูกสกัดของกองหลังโคลอมเบียแต่คาวานี่ที่อยู่ในตำแหน่างล้ำหน้าดันไปโหม่งเปลี่ยนทางเล็กน้อยทำให้โดนจับล้ำหน้าไป หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ไม่มีโอกาสทำประตูเพิ่มเติมทำให้จบครึ่งแรกโคลอมเบียนำอุรุกวัยอยู่ 1-0


ครึ่งหลัง


เริ่มครึ่งหลังมาได้ 5 นาทีโคลอมเบียมาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นโรดริเกซคนเดิมทำประตูได้จังหวะที่โคลอมเบียเปลี่ยนแกนจากขวามาซ้ายให้อาร์เมโร่เปิดเข้ากลางบอลเลยไปทางเสาสองกัวดราโด้โขกชงมาให้โรดริเกซซัดไม่เหลือ


หลังจากนั้นอุรุกวัยไม่มีทางเลือกต้องเปิดเกมรุกสูอย่างเดียวเปลี่ยนเอาฟอร์ลันและเปเรร่าออกแล้วส่งสตูอานี่กับรามิเรซลงมาเล่นแทน


นาที 64 อุรุกวัยเกือบตีไข่แตกได้เมื่อคริสเตียน โรดริเกซลากคนเดียวจากครึ่งสนามหลบไป 3 คนแล้วกดเต็มข้อด้วยซ้ายจากระยะประมาณ 30 หลาแต่ออสปิน่าพุ่งปัดออกไปได้


ถัดมา 15 นาทีอุรุกวัยพลาดโอกาสตีไข่แตกไปอีกหนหลังมักซี่ เปเรร่าอาศัยลูกขยันวิ่งไปกดดันจนกองหลังโคลอมเบียสกัดพลาดบอลมาเข้าทางหลุดเข้าไปในเขตโทษแต่จังหวะสุดท้ายดันยิงไปติดออสปิน่า


ช่วงท้ายเกมโคลอมเบียเกือบได้ประตูตอกฝาโลงหลังใช้จังหวะสวนกลับให้อาร์เมโร่พาบอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้ายแต่จังหวะเปิดเข้ากลางไม่มีใครเข้าถึงเลยสักคน จากนั้นช่วงทดเจ็บมาได้ฟรีคิกแต่จังหวะเปิดก็เลยเพื่อนไปหมด ทำให้จบเกมโคลอมเบียเอาชนะอุรุกวัย 2-0 ผ่านเข้ารอบไปพบกับเจ้าภาพบราซิลต่อไป


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม


โคลอมเบีย (4-4-2) : ออสปิน่า, เยเปส, ซาปาต้า, อาร์เมโร่, อากีล่าร์, ซูนิก้า, ซานเชซ, กัวดราโด้ (กัวริน น.81), โรดริเกซ (รามอส น.85), กูเตียร์เรซ (เมเฆีย น.68), มาร์ติเนซ


ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : วาร์กัส, บักก้า, การ์บอเนโร่, วัลเดส, บาลันต้า, มอนดรากอน, ควินเตโร่, อริอัส, อิบาร์บอ


อุรุกวัย (4-4-2) : มุสเลร่า, มักซี่ เปเรร่า , กาเซเรส, โกดิน, กิเมเนซ, เปเรร่า (รามิเรซ น.53), กอนซาเลซ (เอร์นานเดซ น.67), อาเรวาโล่, ริออส, โรดริเกซ, คาวานี่, ฟอร์ลัน (สตูอานี่ น.53)


ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : เปเรซ, ฟูซิเล่, ซิลวา, โลเดโร่, มูญอซ, โคอาเตซ, การ์กาโน่


 


10447047_922529981096183_5603458318536524216_n 10500298_922636427752205_6725190207685390768_n 10501635_922636281085553_1743579381607195872_n 10372744_922636267752221_4122034869372907228_n 10462890_922636264418888_4030944820861999338_n 10386749_922636251085556_8540541676389252136_n 10513240_922636274418887_3516107878176271901_n 10390883_922636254418889_912019083422591659_n



คลิปไฮไลท์บอลโลก โคลอมเบีย 2-0 อุรุกวัย COLOMBIA 2-0 URUGUAY
Read more
no image

พรีวิวก่อนแข่ง บราซิล vs ชิลี พรีวิวก่อนแข่ง บราซิล vs ชิลี


พรีวิวก่อนแข่ง และวิเคราะห์บอล บราซิล vs ชิลี (ฟุตบอลโลก 2014)

เวลาแข่งขัน : 23:00 น.

สนามการแข่งขัน : Estádio Governador Magalhães Pinto


บราซิล อยู่ในสภาะทีมที่พร้อมเต็มที่และหวังเก็บชัยชนะให้ได้ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง แต่ไม่ใช่งานง่ายแน่นอนเพราะ ชิลี แสดงให้เห็นในรอบแรกแล้วว่าพวกเขาเป็นทีมที่ประมาทไม่ได้เช่นกัน


รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม


บราซิล – ชูลิโอ เซซาร์, แดเนียล อัลเวส, ดาวิด ลุยซ์, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์เซโล, หลุยส์ กุสตาโว, แฟร์นันดินโญ, ออสการ์, เนย์มาร์, ฮัล์ค, เฟร็ด


ชิลี – เคลาดิโอ บราโว, ฟรานซิสโก้ ซิลบา, แกรี เมเดล, กอนซาโร ฮารา, ยูเจนิโอ เมนา, ชาร์ลส์ อรันควิซ, มาร์เซโล ดิอาซ, เมาริซิโอ อิสลา, อาร์ตูโร วิดัล, เอดูอาร์โด้ วาร์กัส, อเล็กซิส ซานเชซ


สภาพความพร้อมของทั้งสองทีม


บราซิล ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเล่นงานทำให้สามารถเลือกใช้งานชุดที่สมบูรณ์ที่สุดลงสนามได้ เกมนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงทีมเล็กน้อยโดย ฮัล์ค และ เฟร็ด จะได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ขณะที่ เปาลินโญ อาจจะถูกดร็อปเป็นสำรองและเป็น แฟร์นันดินโญ จะได้ลงมาทำหน้าที่แทน


ทางด้าน ชิลี ก็อยู่ในสภาพทีมสมบูรณ์เต็มร้อยเช่นกัน แม้จะต้องรอทดสอบความฟิตของ กอนซาโร ฮารา แต่คาดว่าจะฟิตทันลงสนามได้ไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับ อาร์ตูโร วิดัล ที่จะได้ออกสตารทเป็นตัวจริงอีกครั้ง นอกนั้นจะเป็นนักเตะชุดเดิมกับนัดที่แล้ว


สถิติที่พบกัน Head 2 Head


acd13226uxI


ผลงานของทีม บราซิล


acd134p4wEV


ผลงานของทีม ชิลี


acd137dSku


อันดับฟีฟ่า



acd136uto8b



พรีวิวก่อนแข่ง บราซิล vs ชิลี
Read more
วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557
no image

Ander Herrera Full Skills 2013 – 2014 Welcome to Manchester United



ขาคือใคร, ทำไมแฟนๆ บิลเบา จึงยกให้เขาเป็นฮีโร่ และทำไม เร้ด อาร์มี่ ถึงยอมทุ่มเกือบ 30 ล้านปอนด์เพื่อฉีกสัญญา? ต่อไปนี้คือ 5 สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ อันเดร เอร์เรร่า…


ฮีโร่รักบ้านเกิด


เกิดในแคว้น บาสก์ เมื่อปี 1989 และเริ่มนับหนึ่งชีวิตนักเตะกับ เรอัล ซาราโกซ่า ในปี 2004


เอร์เรร่า เปิดซิงในลีกสูงสุดเมืองกระทิงดุในเดือนสิงหาคมปี 2009 ก่อนย้ายซบ แอธเลติก บิลเบา ในช่วงซัมเมอร์ปี 2011 ภายใต้สัญญาห้าปี


อย่างไรก็ตาม กองกลางอนาคตไกล ก็เคยออกมายอมรับว่า อยากย้ายออกจากบ้านเกิดไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด


ตามระบบปั้นกระทิง


แม้จะไม่ได้มีชื่อติดทีมชาติสเปนชุดลุย เวิลด์ คัพ 2014 ที่บราซิลด้วย แต่ เอร์เรร่า ถือเป็นหนึ่งในผลิตผลของการปั้นเด็กตามระบบของทีมชาติสเปน และผ่านการรับใช้ชาติมาหลายรุ่น


เขาเล่นรวมไป 20 นัดให้ทีมชาติสเปนรุ่น ยู 20, ยู 21 และ ยู 21 โดยทำไปเจ็ดประตูในระดับนานาชาติ เฉพาะอย่างยิ่ง ลูกโขกสุดสำคัญในทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือ ยูโร รุ่น ยู 21 ในรอบชิงชนะเลิศ


และตอนนี้ ด้วยวัย 24 ปี เขากำลังได้รับการคาดหมายว่า จะเป็นหนึ่งในสายเลือดใหม่ของทีมชาติสเปนที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าใน เวิลด์ คัพ 2014


ยิง, ยิง, ยิง…


เอร์เรร่า ไม่เคยเขินอายยามต้องเติมขึ้นไปยิงประตู โดยจุดเด่นของเขาซึ่งเป็นที่รู้กันในสเปนคือการสอดขึ้นมาพังตาข่ายได้บ่อยครั้ง


คำนวณโดยเฉลี่ยแล้ว เขาจะได้ส่องประตูสองครั้งต่อหนึ่งนัดในฤดูกาลที่ผ่านมากับ บิลเบา ซึ่งนับว่ามากกว่ามิดฟิลด์รายอื่นๆ ที่ร่วมเวที ลา ลีกา โดย เอร์เรร่า ปิดฉากซีซั่นด้วยห้าประตูกับอีกห้าแอสซิสต์


มิดฟิลด์แข้งฉกาจ ยังถือเป็นจอมผ่านบอลด้วย เมื่อจ่ายลูกเข้าเป้าแม่นยำเป็นอัตราถึง 80% เลยทีเดียว ซึ่งน่าจะทำให้ หลุยส์ ฟาน กัล ชอบใจไม่เบา


เล่นหนักหน่วง


จากการที่ถูกบันทึกว่าเคยได้ใบแดงสี่ใบกับวัยแค่นี้ แสดงให้เห็นว่า เอร์เรร่า สามารถรับบทจอมห้าวที่คอยไล่อัดคู่แข่งในแดนกลางได้แน่นอน


เกมลูกหนังสไตล์อังกฤษ ที่เน้นการบดบี้ และความหนักหน่วง ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับนักเตะสายเลือดกระทิงดุรายนี้ ดีไม่ดี มิดฟิลด์ เมด อิน บาสก์ อาจชื่นชอบด้วยซ้ำ


โดยเฉลี่ยแล้ว เอร์เรร่า จะได้ใบเหลืองหนึ่งใบในทุกสามเกมกับอีกครึ่งหนึ่ง


ตามรอยเท้าพ่อ


พ่อของเขาคือ เปโดร มาเรีย เอร์เรร่า ซึ่งมีอดีตเป็นนักเตะดังใน ลา ลีกา เช่นกัน โดยผ่านการลงสนามมากกว่า 200 นัดเลยทีเดียว


แกโด่งดังสุดๆ สมัยเล่นให้ เรอัล ซาราโกซ่า ระหว่างปี 1982 – 1988 โดยกระหน่ำไป 18 ประตูจากการลงสนาม 155 นัดในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง


ทุกวันนี้ เปโดร มาเรีย ยังคงวนเวียนในวงการลูกหนัง โดยรับหน้าที่ผู้จัดการทั่วไปให้กับทั้ง ซาราโกซ่า และ เซลต้า บีโก้


เนื้อข่าวจาก siamsport



Ander Herrera Full Skills 2013 - 2014 Welcome to Manchester United
Read more
no image

แฟนแห่รับแข้งซามูไรนับพันแม้ตกรอบแรกบอลโลก แฟนแห่รับแข้งซามูไรนับพันแม้ตกรอบแรกบอลโลก


แฟนแห่รับแข้งซามูไรนับพันแม้ตกรอบแรกบอลโลก


ขุนพลซามูไร ทีมชาติญี่ปุ่นชุดฟุตบอลโลก 2014 เดินทางกลับถึงบ้านเกิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีแฟนบอลตามมารับถึงสนามบินอย่างล้นหลาม แม้จะทำผลงานได้ไม่ตามเป้าก็ตาม


ซามูไรบลู โชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ หลังจบในอันดับสุดท้ายของกลุ่มซี เก็บได้เพียงแค่คะแนนเดียวจาก 3 นัด และไม่สามารถผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้


อย่างไรก็ดี แม้แข้งซามูไรจะทำผลงานได้น่าผิดหวังในทัวร์นาเมนต์ที่บราซิล แต่เหล่าแฟนบอลก็ไม่ทอดทิ้ง เมื่อพากันมารับถึงสนามบินนาริตะเป็นจำนวนกว่า 1,000 คน จนแน่นขนัดไปทั้งอาคารผู้โดยสาร
FBL-WC-2014-JPN



แฟนแห่รับแข้งซามูไรนับพันแม้ตกรอบแรกบอลโลก
Read more
no image

'คิเอลลินี่'เห็นใจ'หม่อมกัด'โอดฟีฟ่าลงโทษแรงไป ‘คิเอลลินี่’เห็นใจ’หม่อมกัด’โอดฟีฟ่าลงโทษแรงไป


‘คิเอลลินี่’เห็นใจ’หม่อมกัด’โอดฟีฟ่าลงโทษแรงไป


ออกอาการเห็นใจเหมือนกันสำหรับจอร์จิโอ คิเอลลินี่กองหลังทีมชาติอิตาลีเชื่อว่าโทษแบนที่ฟีฟ่าลงดาบใส่หลุยส์ ซัวเรซหลังกัดเขานั้นรุนแรงเกินไป


ดาวเตะลิเวอร์พูลโดนโทษแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลยาวนานถึง 4 เดือนจากเหตุการณ์อันโด่งดังที่เกิดขึ้นในระหว่างเกมการแข่งขันนัดสุดท้ายของฟุตบอลโลกกลุ่ม ดี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อีกทั้งยังโดนแบนห้ามลงสนามในทีมชาติอีก 9 นัดด้วยกัน


ซัวเรซเดินทางออกจากบราซิลและบินตรงกลับไปอุรุกวัยแล้วแต่คิเอลลินี่คู่กรณีในเคสนี้คิดว่าการลงโทษของทางฟีฟ่านั้นไม่ถูกต้องและหวังว่าเขาจะได้กลับมาลงสนามให้กับ”จอมโหด”เกมเจอกับโคลอมเบียรอย 16 ทีมสุดท้ายด้วย


“ตอนนี้ในตัวผมไม่ได้มีความรู้สึกยินดี, อยากแก้แค้นหรือโกรธเคืองอะไรกับซัวเรซเลยจากกรณีที่เกิดขึ้นในสนามและเรื่องมันก็จบไปแล้ว”คิเอลลินี่ให้สัมภาษณ์


“มีเพียงแค่ความโกรธและผิดหวังต่อเกมนัดนั้นเท่านั้นเอง ตอนนี้ในหัวผมมีแต่ความเห็นใจหลุยส์และครอบครัวเขา เพราะพวกเขาจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆ”


“ผมคิดเสมอว่าการตัดสินด้านระเบียบวินัยจากองค์กรที่ดีถือว่าชัดแจ้งแล้วแต่ในเวลาเดียวกันผมเชื่อว่าเป็นการลงโทษที่หนักหนาเกินไป”


“ผมหวังว่าเขาจะได้รับอนุญาตอย่างน้อยก็ได้อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมทีมในระหว่างเกมนะเพราะโทษแบนแบบนั้นทำให้นักเตะรู้สึกแปลกแยกจริงๆ”


ข่าวจาก soccersuck



'คิเอลลินี่'เห็นใจ'หม่อมกัด'โอดฟีฟ่าลงโทษแรงไป
Read more
no image

Official ชอว์ย้ายซบผีเซ็นยาว 4 ปี Official ชอว์ย้ายซบผีเซ็นยาว 4 ปี


Official ชอว์ย้ายซบผีเซ็นยาว 4 ปี


ดาวรุ่งจากทีมนักบุญแดนใต้ บรรลุข้อตกลงย้ายซบต้นสังกัดใหม่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังผ่านการตรวจร่างกายเรียบร้อย


ให้รอออฟิเชียลซะนานล่าสุดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขยับตัวออกมายืนยันซักทีว่าพวกเขาปิดดีลคว้าตัวลุค ชอว์ แบ็คซ้ายดาวรุ่งวัย 18 ปีจากเซาแธมป์ตันเซ็นสัญญาด้วยระยะเวลา 4 ปีพร้อมอ็อปชั่นขยายเพิ่มอีกปี อีกทั้งกลายเป็นนักเตะใหม่ในซัมเมอร์นี้คนที่ 2 ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 วัน


ก่อนหน้านี้เมื่อวันพฤหัสบดี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งประกาศคว้าตัวอันเดร์ เอร์เรร่า กองกลางอนาคตไกลชาวสเปนจากแอธเลติก บิลเบามาร่วมทัพ


แหล่งข่าวต่างๆในประเทศอังกฤษ รายงานตรงกันว่าลุค ชอว์ แบ็คซ้ายชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2014 ของทีมสิงโตคำราม ได้เข้าตรวจร่างกายกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาและทุกๆอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อย


“ผมรู้สึกเนื้อเต้นที่ได้ย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนะ ผมอยู่กับเซาแธมป์ตันมาตั้งแต่ 8 ขวบและขอขอบคุณพวกเขารวมถึงแฟนๆสำหรับทุกสิ่งที่พวกเขาทำให้กับผม”ชอว์ให้สัมภาษณ์หนแรกกับทีมใหม่


“ผมอยากให้เส้นทางอาชีพค้าแข้งของผมก้าวหน้าไปเรื่อยๆและการย้ายมาอยู่ยูไนเต็ดถือเป็นสโมสรที่ใช่สำหรับสิ่งนั้น ผมกำลังตั้งตารอบทต่อไปของชีวิตและรอคอยที่จะได้เรียนรู้จากนักเตะกับทีมงานระดับเวิลด์คลาสของสโมสรนี้ด้วย”


เชื่อกันว่าค่าตัวของชอว์นั้นจะอยู่ที่ 27 ล้านปอนด์แล้วค่อยขยับไปเป็น 31 ล้านปอนด์ทีหลังขึ้นอยู่กับความสำเร็จที่นักเตะได้รับ นอกจากนี้คาดว่าเขาได้รับการการันตีเป็นตัวเลือกเบอร์หนึ่งในตำแหน่งแบ็คซ้ายของแมนฯ ยูไนเต็ดฤดูกาลใหม่ด้วย


ชอว์เป็นนักเตะรายที่ 2 ที่ย้ายเข้าสู่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดภายใต้การมีหลุยส์ ฟาน ฮาล เป็นผู้นำ โดยก่อนหน้านี้แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งปล่อยตัวอเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์ แบ็คซ้ายตัวสำรองชาวดัตช์ไปให้กับดินาโมว์ มอสโกว์


 


ข่าวจาก โกลไทย,soccersuck



Official ชอว์ย้ายซบผีเซ็นยาว 4 ปี
Read more
วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557
no image

คลิปไฮไลท์บอลโลก เกาหลีใต้ 0-1 เบลเยี่ยม SOUTH KOREA 0-1 BELGIUM คลิปไฮไลท์บอลโลก เกาหลีใต้ 0-1 เบลเยี่ยม SOUTH KOREA 0-1 BELGIUM


คลิปไฮไลท์บอลโลก เกาหลีใต้ 0-1 เบลเยี่ยม SOUTH KOREA 0-1 BELGIUM



ไฮไลท์ฟุตบอล## สามารถดูได้บน Smart Phone:



Full Match ดูบอลย้อนหลัง ## สามารถดูได้บน Smart Phone:


uploading……..


เบลเยี่ยม เสียเปรียบตัวผู้เล่นหลังจากสตีเว่น เดฟูร์ โดนไล่ออกในช่วงนาทีสุดท้ายครึ่งแรกแต่สามารถต้านทานเกมรุกเกาหลีใต้ไว้ได้ก่อนจะมายิงประตูชัยท้ายครึ่งหลังจากแยน แฟร์ทองเก้น ตอกฝาโลงชนะเกาหลีใต้ 1-0 คว้าชัยสามเกมรวดคว้าแชมป์กลุ่มไปครอง เข้ารอบ 16 ทีมเจอกับสหรัฐอเมริกา


ฟุตบอลโลก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอช


สนาม : อารีน่า โครินเธียนส์,เซา เปาโล,บราซิล

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2557

ผู้ตัดสิน : เบน วิลเลี่ยมส์(ออสเตรเลีย)

เกาหลีใต้ 0-1 เบลเยี่ยม

ประตู : 0-1 แฟร์ทองเก้น น.78

ใบแดง : สตีเว่น เดฟูร์ น.44


เกาหลีใต้ของฮง เมียง โบ ไม่มีอะไรเสียต้องเก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียวแล้วไม่ลุ้นอีกคู่ไม่ให้แอลจีเรียชนะ วันนี้ปรับทัพสำคัญคือส่งคิม ชิน วุ๊ค กองหน้าส่วนสูง 196 ซม.ซึ่งทำผลงานดีในฐานะตัวสำรองเกมที่แพ้แอลจีเรีย 2-4 ลงเป็นตัวจริงแทนที่ปาร์ค ชู ยอง กองหน้าสตาร์ที่เล่นไม่ออกโดยมีคู จา ชอล กัปตันทีมเป็นหน้าต่ำ ส่วนซน ฮึง มิน ขยับไปเล่นริมเส้นฝั่งซ้าย


ด้านเบลเยี่ยมของมาร์ก วิลม็อตส์ เข้ารอบไปแล้วต้องการคะแนนเดียวเพื่อนเป็นแชมป์กลุ่ม พักผู้เล่นตัวหลักหลายตำแหน่งทั้งเอแด็ง อาซาร์,โรเมลู ลูกากู,เควิน เดอ บรอยน์ ส่วนแว็งซ็องต์ กองปานี มีปัญหาบาดเจ็บได้พักเช่นกัน วันนี้อั๊ดนาน ยานาไซจ์ ปีกดาวรุ่งวัย 19 ปีได้เป็นตัวจริงลงเกมแรกในฟุตบอลโลก ส่วนกองหน้าใช่เควิน มิราญาส


ครึ่งแรก


นาที 7 เกาหลีใต้เริ่มเกมเจอเบลเยี่ยมบุกมาป้วนเปี้ยนก่อนแต่มาเริ่มตั้งเกมบุกเมื่อผ่าน 5 นาทีแรก มีจังหวะน่าได้จุดโทษขสกขังหวะที่คู จา ชอล โดนมูซ่า เดมเบเล่ กระแทกล้มแต่ผู้ตัดสินชาวออสเตรเลียไม่ว่าอะไร


นาที 11 โอกาสยิงหนแรกของเกาหลีใต้มาแล้วจากจังหวะฟรีคิกทางขวาของคี ซอง ยอง เปิดมาตรงกลาง ฟานเดน บอร์ สกัดไม่ดีเข้าคิม ยอง กวอน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจับบอลแล้วซัดทันทีแต่งัดโด่งข้ามคานไป


นาที 16 เบลเยี่ยมมีลุ้นได้จุดโทษบ้าจากจังหวะที่แอนโธนี่ ฟานเดน บอร์ เก็บตกจากยานาไซจ์ลากลื้อยทางขวาเข้าเขตโทษเจอคิม ยอง กวอน วิ่งเบียดเอาตัวขวางล้มลงบอลออกหลังไปแต่ก็ไม่ได้อะไรแม้แต่ลูกเตะมุมด้วย


นาที 25 โอกาสทองของเบลเยี่ยมต้องใส่สกอร์นำแล้วจากจังหวะส้มหล่น เควิน มิราญาส ได้บอลจากเฟลไลนี่โหม่งชงมาให้ยิงไปแฉลบกองหลังเกาหลีใต้กลายเป็นตั้งใส่พานให้ดรีส์ แมร์เท่น ยืนหล่อรอปิดบัญชีแต่ปีกร่างเล็กจากนาโปลีตั้งท้าแปข้ามคานไปไม่ไหนไม่รู้ เสียราคาซุปเปอร์ซับจากเกมนัดแรกจริงๆ


นาที 30 ปีศาจแดงแห่งยุโรปเกือบเสียท่าให้ปีศาจแดงจากเอเชียแล้ว เดมเบเล่ เสียบอลในแดนกลางให้คี ซอง ยง ลากขึ้นหน้ายิงไกลระยะ 25 หลาบอลพุ่ง่ำแต่ติโบต์ กูร์กตัวส์ ล้มตัวปัดออกไปได้เยี่ยม


ลูกเตะมุมของเกาหลีใต้เปิดมาเสาไกลถึงฮง จอง โฮ โหม่งย้อนไปให้เพื่อนที่เสาแรก บอลโดนนักเตะเบลเยี่ยมปลิ้นเข้าปากประตูตัวเองได้แต่ยังมีสตีเว่น เดฟูร์ สกัดทิ้งจากบนเส้นเลย เบลเยี่ยมรอดตัวในนาทีวิกฤตไปได้


นาที 44 จุดเปลี่ยนสำคัญในเกมนี้ก็เป็นได้เมื่อเบลเยี่ยมต้องเหลือผู้เล่น 10 คนในนาทีสุดท้ายก่อนทดเจ็บครึ่งแรกเมื่อสตีเว่น เดฟูร์ เข้าช้าเปิดปุ่มย่ำใส่หน้าแข้งของคิม ชิน วุ๊ค แถมริมเส้นฝั่งเกาหลีใต้ ผู้ตัดสินเบน วิลเลี่ยมส์ ไม่ลังเลแจกใบแดงทันที เกาหลีใต้ได้เปรียบจำนวนผู้เล่นในอีกกว่า 45 นาทีที่เหลือแล้ว


จบครึ่งแรก เกาหลีใต้ที่ต้องการชัยชนะยังเจาะเบลเยี่ยมไม่สำเร็จเสมออยู่ 0-0


ครึ่งหลัง


เกาหลีใต้ได้เปรียบผู้เล่นมากกว่า ไม่คิดมาก ฮง เมียง โบ ถอดฮาน กุ๊ก ยอง กองกลาง จัดกองหน้าอี กึน โฮ ลงแทนทันที


นาที 52 เกาหลีใต้ตัวเหนือกว่าได้โอกาสยิงมาเป็นชุดจากจังหวะยิงไกลของคี ซอง ยองแต่ยังหลุดกรอบไป ถัดมาไม่ถึงนาทีอี กึน โฮ กองหน้าตัวสำรองพลิกตัวหนีกองหลังเบลเยี่ยมสวยจะชิพข้ามตัวกูร์กตัวส์แต่ไม่ผ่าน


ลูกเตะมุมบอลมาถึงอี ชอง ยงเก็บบอลเปิดตั้งให้อี กึน โฮ โขกแต่ไม่ถนัดข้ามคานไปนิดเดียว


นาที 58 ทั้งสองทีมแลกกันสนุกทีเดียว เบลเยี่ยมได้ลุ้นจากแมร์เท่น พาบอลหาช่องยิงไกลพุ่งเข้ากรอบแต่คิม ซึง กิว พุ่งปัดทิ้งไปได้


ไม่ถึงนาทีเกาหลีใต้สวนกลับเร็ว ซน ฮึง มินลากมาทางกราบขวาหนีแฟร์ทองเก้ เปิดเข้ากลางลึกเกินไปแต่เกือบฟลุ๊คบอลหนีกูร์กตัวส์ชนคานเต็มๆ เกือบไปเหมือนกัน


นาที 60 เกาหลีใต้ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะเตะมุม คี ซอง ยอง เทคตัวขึ้นสูงกว่าลอมบาร์ทโหม่งได้แต่ไม่เต็มหัว บอลกระดอนพื้นเข้ามือของกูร์กตัวส์รับได้


นาที 66 คิม ชิน วุค กองหน้าร่างโย่งเล่นไม่ออกทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ถูกเปลี่ยนตัวออกไปให้คิม โบ คยอง ปีกจากคาร์ดิฟฟ์ลงแทน

สองนาทีถัดมา มารูยาน เฟลไลนี่ เกือบได้โหม่งเตะมุมเน้นๆแต่โดนคู จา ชอล ปลิ้นออกไปน่าเสียดาย


นาที 73 ฮง เมียง โบ ตัดสินใจส่งไพ่ใบสุดท้ายเปลี่ยนซน ฮึง มินออกส่งจี ดง วอน กองหน้าอีกคนลงแทน


นาที 78 พอเจาะไม่เข้า เบลเยี่ยมโต้กลับมา 4 คน ตอนแรกเฟลไลนื่ทำเสียบอลไปแล้วแต่แยน แฟร์ทองเกนแย่งกลับมาทันควัน บอลไปถึงดิว็อค โอริกี้ พลิกตัวหาช่องกดเน้นๆนอกกรอบ คิม ซึง กิว รับกระฉอกเข้าทางแฟร์ทองเก้นวิ่งมาซ้ำก้ำกึ่งจะล้ำหน้าแต่ไลน์แมนไม่ยกธง ยิงสวนเข้าไปเลย เบลเยี่ยม 10 คนขึ้นนำ 1-0 กำลังจะส่งเกาหลีใต้กลับบ้านแล้ว!!!!!


นาที 80 เกาหลีใต้ยังไม่ยอมแพ้ อี กึน โฮ หนีตัวการประกบของฟาน บุยเต็นได้แต่โหม่งย้อยข้ามคานไปอีก


นาที 88 เกมไม่น่าจะมีอะไรแล้ว แต่มาร์ก วิลม็อตส์ยังอุตส่าห์ส่งเอแด็ง อาซาร์ ลงมาแทนมิราญาสช่วงท้ายเกมแบบไม่กลัวเจ็บ และเกือบแผลงฤทธิ์ยิงประตูฝังยิงอัดไปเสาไกลแต่นายทวารคิม ซึง กิว เซฟได้สวย


ช่วงทดเจ็บ ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ยังช่วยเซฟลูกยิงของอี ชอง ยงกับลี กึน โฮได้อีก

จบเกม เบลเยี่ยม เสียเปรียบตัวผู้เล่นหลังจากสตีเว่น เดฟูร์ โดนไล่ออกในช่วงนาทีสุดท้ายครึ่งแรกแต่สามารถต้านทานเกมรุกเกาหลีใต้ไว้ได้ก่อนจะมายิงประตูชัยท้ายครึ่งหลังจากแยน แฟร์ทองเก้น ตอกฝาโลงชนะเกาหลีใต้ 1-0 คว้าชัยสามเกมรวดคว้าแชมป์กลุ่มไปครอง เข้ารอบ 16 ทีมเจอกับสหรัฐอเมริกา


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม


เกาหลีใต้ (4-4-2) : คิม ซึง กิว; อี ยง, คิม ยอง กวอน, ฮง จอง โฮ, ยุน ซ็อก ยอง; อี ชอง ยง, ฮาน กุ๊ก ยอง(อี กึน โฮ น.46), คี ซอง ยง, ซน ฮึง มิน, คู จา ชอล, คิม ชิน วุ๊ค(คิม โบ คยอง น.66)


สำรองไม่ได้ลงสนาม : จอง ซอง รยอง, คิม ชาง ซู, ควัก แต ฮวี, ฮวาง ซ็อก โฮ, ฮา แด ซอง, ปาร์ค ชู ยอง, ปาร์ค จอง วู, จี ดง วอน, ปาร์ค จู โฮ, อี บอม ยอง

โค้ช : ฮง เมียง โบ


เบลเยี่ยม (4-2-3-1) : ธิโบต์ กูร์กตัวส์; อันโธนี่ ฟานเดน บอร์, แดเนี่ยล ฟาน บุยเต็น, นิโกลัส ลอมบาร์ท, แยน แฟร์ทองเก้น; สตีเว่น เดฟูร์, มูซ่า เดมเบเล่; ดรีส์ แมร์เท่น(ดิว็อค โอริกี้ น.60), มารูยาน เฟลไลนี่, อั๊ดนาน ยานาไซจ์(นาเซอร์ ชาดลี่ น.60); เควิน มิราญาส(เอแด็ง อาซาร์ น.88)


สำรองไม่ได้ลงสนาม : โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, อาเซล วิตเซล, เควิน เดอ บรอยน์, โรเมลู ลูกากู, ซิมง มิโญเล่ต์, แซมมี่ บ็อตซุต, โลร็องต์ ซิมอง

โค้ช : มาร์ก วิลม็อตส์


 


คลิปไฮไลท์บอลโลก เกาหลีใต้ 0-1 เบลเยี่ยม SOUTH KOREA 0-1 BELGIUM3 คลิปไฮไลท์บอลโลก เกาหลีใต้ 0-1 เบลเยี่ยม SOUTH KOREA 0-1 BELGIUM 2



คลิปไฮไลท์บอลโลก เกาหลีใต้ 0-1 เบลเยี่ยม SOUTH KOREA 0-1 BELGIUM
Read more
no image

แอลจีเรีย 1-1 รัสเซีย แอลจีเรีย 1-1 รัสเซีย


คลิปไฮไลท์บอลโลก แอลจีเรีย 1-1 รัสเซีย ALGERIA 1-1 RUSSIA



ไฮไลท์ฟุตบอล## สามารถดูได้บน Smart Phone:



Full Match ดูบอลย้อนหลัง ## สามารถดูได้บน Smart Phone:


uploading………….


อิสลาม ซลิมานี่ กลายเป็นวีรบุรุษของประเทศโขกพังประตูชัยจากความผิดพลาดของ อิกอร์ อคินเฟเยฟ ช่วยให้ แอลจีเรีย ไล่ตามตีเสมอ “หมีขาว” รัสเซีย 1-1 พร้อมทะลูสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายพบ “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน


ฟุตบอลโลก 2014 กลุ่ม เอช

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2557

สนาม: อารีน่า ดา ไบซาดา


แอลจีเรีย 1-1 รัสเซีย


ประตู: 0-1 อเล็กซานเดอร์ โคโคริน น.6,1-1 อิสลาม ซลิมานี่ น.60


ครึ่งแรก


เปิดฉากแค่ 5 นาทีแรก “หมีขาว” เป็นฝ่ายได้เฮเสียงดังลั่นเมื่อฉวยโอกาสโจมตีเร็วแบบไม่ทันให้ตั้งหลักพังประตูขึ้นนำ 1-0 คอมบารอฟ หลุดโล่งๆมาทางซ้ายก่อนบรรจงหยอดเข้าไปในกรอบเขตโทษ โคโคริน เทคตัวขึ้นคนเดียวสะบัดโหม่งเสียบมุมบนตาข่าย


พอได้ประตูขึ้นนำเร็วดูเหมือนทีมของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หมดไม่เปิดโอกาสให้ แอลจีเรีย ทำเกมได้ถนัดนาที 25 ได้ลุ้นประตูที่สอง ชาตอฟ ลักไก่ปั่นไซด์นอกกรอบเขตโทษ 25 หลาบอลเลี้ยวถากคานออกไปอย่างน่าเสียดายทั้งๆที่ เอ็มโบลฮี นายทวารได้แต่ยืนมอง


ด้วยสกอร์ตามหลัง แอลจีเรีย พยายามฮึดสู้หาช่องเจาะเข้าทำแต่แนวรับหมีขาวคลุมพื้นที่ได้ดีไม่ยอมให้ไปถึงหน้าเขตโทษเลยต้องอาศัยลูกยิงไกลแถวสองในนาที 27 เมสบาห์ เติมเกมบุกทางซ้ายก่อนสับไกนอกกรอบ 20 หลาเข้าซองผู้รักษาประตู อคินเฟเยฟ


ผ่านครึ่งชั่วโมง แอลจีเรีย พลาดโอกาสทองตีเสมออย่างน่าเสียดายที่สุดจากจังหวะ เฟกูลี่ โยนลูกเตะมุมทางซ้ายไปยังจุดนัดพบเสาแรก บราฮิมี่ โขกตั้งไปยังเสาสอง ซลิมานี่ โหม่งเน้นๆบอลกำลังจะเข้าอยู่แล้วแต่นายทวาร อคินเฟเยฟ ซูเปอร์เซฟปัดบนเส้นประตูออกไป


ตัวแทนจากแอฟริกาพยายามเจาะแผงหลังอันแข็งแกร่งของ “หมีขาว” ให้ได้ทุกรูปแบบคราวนี้อาศัยความสามารถเฉพาะตัว บราฮิมี่ เจาะตรงกลางลากแหวกฝูงแนวรับหมีขาวก่อนกดเรียด 20 หลาเข้าซองนายทวาร อคินเฟเยฟ


เข้าสู่ท้ายครึ่งแรก แอลจีเรีย ยังทำได้แค่หวาดเสียวนาที 42 จากจังหวะเตะมุมไปยังจุดนัดพบเข้าหัว ซลิมานี่ ลอยตัวกลางอากาศโหม่งเน้นๆตรงตัวผู้รักษาประตู


ครึ่งหลัง


กลับมาเริ่มต้นกันใหม่แค่สองนาทีเท่านั้น “หมีขาว” พลาดโอกาสทองจะได้ประตูตอกย้ำชัยจากจังหวะโต้กลับเร็ว คอฟลอฟ หลุดมาทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนผ่านเข้ากลางให้ โคโคริน ทำชิ่งหนึ่ง-สองให้ ซาเมดอฟ หลุดโล่งๆเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตูพยายามจะกึ่งยิงกึ่งชิพต้องชม เอ็มโบลฮี ออกมาได้เร็วใช้ตัวบล็อคได้ทัน


ผ่าน 1 ชั่วโมงแรกของเกมการแข่งขัน แอลจีเรีย อาศัยความพยายามตามตีเสมอสำเร็จเมื่อได้ฟรีคิกใกล้เส้นเขตโทษทางซ้าย บราฮิมี่ รับหน้าที่เปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษจังหวะเดียวกับที่ อคินเฟเยฟ นายทวารหมีขาวพุ่งออกมาพยายามตัดบอลหลุดไปถึงเสาสองเข้าหัว ซลิมานี่ โขกตุงตาข่าย


สกอร์ดังกล่าวจะทำให้ แอลจีเรีย ฉลุยสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที ทำให้ “หมีขาว” อยู่เฉยไม่ได้ต้องลุยเพื่อเอาคืนอีก 2 นาทีถัดมาเกือบขึ้นนำอีกครั้ง เฟย์ซูลิน แตะต่อให้ เดนิซอฟ กดเรียดเต็มข้อ 20 หลาบอลพุ่งเร็วและแรง เอ็มโบลฮี นายทวารรับบอลกระฉอกแต่ยังแก้ตัวพุ่งไปคว้าได้ทัน


ยอดทีมแห่งยุโรปยังเดินหน้าบุกต่อเนื่องนาที 67 เบเรซุตสกี้ ชงต่อให้ โคโคริน กระชากลากตะลุยเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษทางขวาบอลพุ่งเรียดไปยังเสาสองแต่ เอ็มโบลฮี นายทวารรับตัวรับได้ทัน


“หมีขาว” ต้องการชัยชนะเพื่อผ่านเข้ารอบยังเปิดเกมบุกต่อเนื่องนาที 78 โอกาสใกล้เคียง กิลาส เลี้ยงตัดจากขวาลากเข้าในก่อนไหลทะลุช่อง เซเดมอฟ สอดทะลุแนวรับพยายามชาร์จเต็มที่แล้วแต่ไม่ถึงบอลหลุดเลยเข้ามือนายทวาร เอ็มโบลฮี


เวลาที่เหลือทีมของ คาเปลโล่ บุกอย่างหนักหวังพังประตูชัยให้ได้ แต่เกมรับของตัวแทนแอฟริกาคลุมพื้นที่ได้ดีมากไม่เปิดโอกาสสับไกเลย จบเกม รัสเซีย ทำได้แค่เสมอ 1-1 ปล่อยให้ แอลจีเรีย ผ่านเข้ารอบน๊อกเอาท์


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

แอลจีเรีย(4-2-3-1): ไรอิส เอ็มโบลฮี-มานดิ,เอสซีด เบลกาเล็ม,ราฟลิค ฮัลลิเช,จาเมล เมสบาห์-คาร์ล เมดยานี่,นาบิล เบนทาเลบ-โซเฟียเน่ เฟกูลี่,ยาซีน บราฮิมี่(ฮัสซัน เย็บดา น.71),อับดูมาเน่ จาบู(นาบิล กิลาส น.75)-อิสลาม ซลิมานี่(เอล อาราบี้ ซูดานี่ น.88)


สำรองไม่ได้ลงสนาม: เซดริช ซิ โมฮัมเหม็ด,มดยิด บูกูเอร์รา,ฟาอุวซี่ กูลาม,ลาสซีน คาดามูโร่,เมห์ดี้ ลาเซน,ซาเฟียร์ ไตแดร์,เมห์ดี้ มอสเตฟา, ไรยาด มาห์เรซ


รัสเซีย(4-2-3-1):อิกอร์ อคินเฟเยฟ-อเล็กซี่ คอซลอฟ,ยาซิลี่ เบเรซุตสกี้,เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช,ดิมิทรี คอมบารอฟ-เดนิส กลูชาคอฟ(อิกอร์ เดนิซอฟ น.46) ,วิคเตอร์ เฟย์ซูลิน-อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ,อเล็กซานเดอร์ โคโคริน,โอเล็ค ชาตอฟ(อลัน ซาโกเยฟ น.67 )-อเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟ(มักซิม คานูนนิคอฟ น.81)


สำรองไม่ได้ลงสนาม: เซอร์เก รีซิคอฟ,จอร์จี้ เชนนิคอฟ,อังเดร เซเมนอฟ,วลาดิเมียร์ เอสเชนโก้, พาเวล โมกิเลเวตส์,ยูริ เซอร์คอฟ,อเล็กซี่ โยนอฟ



คลิปไฮไลท์บอลโลก แอลจีเรีย 1-1 รัสเซีย ALGERIA 1-1 RUSSIA
Read more